ความยุติธรรม รัฐสวัสดิการ Squid Game

1 ธันวาคม 2564

เกาหลีใต้และหนังสร้างชาติ

ถ้าจะกล่าวว่าหนังเกาหลีใต้เป็นหนังสร้างชาติก็เป็นการกล่าวที่ไม่เกินจริงไปนัก อุตสาหกรรมหนังเกาหลีใต้ได้พัฒนาอย่างต่อเนื่องจนขยายความนิยมได้ทั่วโลก ด้วยพล็อตเรื่องที่เป็นเฉพาะตัวและเปลี่ยนแปลงไปตามภัยคุกคามชาติในแต่ละยุคสมัย สำหรับ 30 ปีที่แล้วภัยคุกคามแห่งชาติของเกาหลีใต้คือ สายลับเกาหลีเหนือ การแทรกแซงจากมหาอำนาจสหรัฐฯ และรัฐบาลเผด็จการทหาร จึงไม่แปลกใจนักที่หนังอย่าง The Quiet Family (1998) Taegukgi (2004) และ The Host (2006) เป็นหนังที่ออกมาให้ประชาชนได้ชม

อย่างไรก็ตามทิศทางของหนังเกาหลีใต้ในช่วง 10 ปีให้หลังก็เปลี่ยนไปตามภัยความมั่นคงแห่งชาติ ความเหลื่อมล้ำจากทุนนิยม สถาบันครอบครัวแบบขงจื่อที่เสื่อมลง และความล้มเหลวของรัฐสวัสดิการกลายเป็นปัญหาของชาติแทน และปรากฏเป็นสัญญาณเตือนในหนังต่าง ๆ เช่น Along with the Gods (2017) The Forgotten (2017) และ The Parasite (2019)

สร้างหนังเกี่ยวกับความชั่วร้ายของทุนนิยมแบบไม่น่าเบื่อ

       ทุกคนรู้และสัมผัสได้ถึงความเลวร้ายของทุนนิยมและความเหลื่อมล้ำแก่สังคมที่นับวันก็จะถ่างออกมาเรื่อย ๆ มีหนังหลายเรื่องที่สร้างเกี่ยวกับความชั่วร้ายของทุนนิยม ความชั่วร้ายของนายทุน และการกดขี่ขูดรีด แต่การสร้างหนังในสตอรี่ดังกล่าวแล้วสนุกได้อย่างไร ไม่เป็นการเทศนาสั่งสอนมากเกินไปได้อย่างไร คือความสามารถและศิลปะของผู้เขียนเนื้อเรื่องและผู้กำกับหนัง

        The Parasite กลายเป็นตัวอย่างมาสเตอร์พีซของการทำหนังด่าทุนนิยมที่ไม่น่าเบื่อ เป็นหนังที่ไม่ต้องปีนบันได ผู้ชมก็สามารถรู้ได้ว่าผู้กำกับต้องการสื่อถึงปัญหาความเหลื่อมล้ำ แต่เทคนิคการซ่อนสัญลักษณ์ความเหลื่อมล้ำในแต่ละเฟรมนั่นแหละที่เป็นศิลปะให้ผู้ชมไม่รู้สึกถูกยัดเยียดมากเกินไป ในขณะที่ผู้ชมดูหนังอยู่ก็ยังคงมีชีวิตอาศัยในระบบทุนนิยมอยู่ และเอาเปรียบขูดรีดผู้อื่นอยู่ ทั้งในแบบที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ

        อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จอย่างสูงของ The Parasite ก็กลายเป็นมาตรฐานที่หนักอึ้งของผู้สร้างหนังเกาหลีใต้ในเวลาต่อมา ว่าจะสร้างเรื่องราวด่าทุนนิยมอย่างไรให้พล็อตเรื่องไม่ซ้ำกัน ตัวผมเองก็เคยเชื่อว่าน่าจะใช้เวลาอีกนานที่เกาหลีใต้จะสร้างหนังด่าทุนนิยมได้ในมาตรฐานเดียวกันได้อีก แต่ทว่าแค่เพียง 2 ปีให้หลัง เขาก็สร้าง Squid Game (2021) ขึ้นมา

ตั้งคำถามความยุติธรรมใน Squid Game

       พล็อตเรื่องลักษณะคนรวยว่างงานไม่มีอะไรทำเลยสร้างเกมส์เอาคนมาจนมาฆ่ากันด้วยการใช้อำนาจเงินทำลายความเป็นมนุษย์ของคนจน เป็นพล็อตที่พบได้ในหนังหลาย ๆ เรื่อง เช่น 13 เกมสยอง (2549) และBattle Royale (2000) และก็เป็นเนื้อเรื่องหลักของ Squid Gameเช่นเดียวกัน แต่สิ่งที่ทำให้หนังสนุกจนผมดูต่อเนื่องไม่กินข้าวกินปลาคือ รายละเอียดของหนังที่แฝงเรื่องคำถามยุติธรรมเศรษฐกิจสังคมเกาหลีใต้

ม่านแห่งความไม่รู้

        A Theory of Justice ของจอห์น รอวลส์ (John Rawls)[1] เป็นผลงานที่สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อสังคมและตั้งคำถามเกี่ยวกับความยุติธรรมมากที่สุดงานหนึ่ง ข้อเสนอหลักของเขาคือ การพยายามหาจุดประนีประนอมระหว่างแนวคิดความเท่าเทียมและอรรถประโยชน์นิยม ซึ่งโดยธรรมชาติแล้วสองแนวทางนี้ขัดกันตลอดเวลา เพราะแนวคิดเท่าเทียมนิยมมองว่าความยุติธรรมต้องเกิดจากการมีผลลัพธ์ที่เท่ากัน แต่อรรถประโยชน์กลับมองว่าความยุติธรรมไม่จำเป็นต้องเท่ากันก็ได้ แต่ต้องมีการกระจายทรัพยากรแล้วก่อให้เกิดอรรถประโยชน์สังคมสูงสุด ซึ่งรอวลส์ก็หาทางออกของคู่ขัดแย้งว่า ถ้าสมมติให้ทุกคนต้องเข้าสู่สังคม เข้าสู่สนามแข่งขันโดยที่ก่อนการแข่งจะมีการกระจายสิ่งของจำเป็นพื้นฐาน ทุกคนก็จะเลือกการกระจายที่ตนเองได้เปรียบที่สุด แต่ถ้าทุกคนอยู่ในม่านแห่งความไม่รู้ กล่าวคือ ต้องละทิ้งตำแหน่งในสังคมและตัวตนทุกอย่าง เหลือเพียงแต่การตัดสินใจล้วน ๆ โดยปราศจากอคติแล้ว ทุกคนก็จะเลือกหนทางการกระจายที่คนที่เสียเปรียบที่สุดได้ประโยชน์ที่สุด เพราะเนื่องจากเราทุกคนไม่รู้ว่าเมื่อถอดม่านความไม่รู้ออกแล้ว เราอาจเป็นคนที่เสียเปรียบที่สุดในสังคมก็ได้ ดังนั้นทางออกดังกล่าวจึงเป็นการรับประกันขั้นต่ำสุดให้กับทุกคน สรุปแล้วการเลือกปฏิบัติให้แต้มต่อแก่ผู้ที่ลำบากที่สุดจึงเป็นความยุติธรรมสังคม

        “การแข่งขันอย่างเสรีโดยมีกฎกติกาที่บังคับใช้ทุกคนเหมือนกันหมดและทุกคนมีจุดสตาร์ทที่เดียวกัน คือลักษณะการแข่งขันอย่างเป็นธรรมที่ระบอบทุนนิยมที่มีหัวใจถวิลหา เมื่อมีการแข่งขันที่เป็นธรรมแล้วไม่ว่าผลการแข่งออกมาเป็นอย่างไรล้วนยุติธรรม”

ดังนั้นการอยู่ในม่านแห่งความไม่รู้คือหัวใจหลักของเกมส์ต่าง ๆ ที่ปรากฎในSquid Game ทุกคนเข้ามาแข่งขันโดยการตัดสินใจเอง ไม่ทราบข้อมูลเกมส์ที่จะเล่นในแต่ละรอบ ไม่มีการใช้เครื่องมือใด ๆ การแข่งขันแพ้ชนะขึ้นอยู่กับความสามารถและโชคล้วน ๆ โดยมีกรรมการที่เป็นกลางสวมใส่หน้ากากแห่งความไม่รู้คอยรักษาความสงบเรียบร้อย

ม่านแห่งความไม่รู้ไม่มีอยู่จริง

       ม่านแห่งความไม่รู้กลายเป็นแนวคิดที่ได้รับความนิยมพอ ๆ กับที่ถูกวิพากษณ์อย่างกว้างขวาง จุดที่นักคิดคนอื่น ๆ ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้คือ มันออกจะเป็นการเพ้อฝันและนำไปปฏิบัติได้ยากในความเป็นจริง การที่จะให้คนไม่มีอคติจากตำแหน่งแห่งที่ทางสังคม คงเป็นไปได้แค่วิญญาณบริสุทธิ์เท่านั้น รวมถึงการเลือกปฏิบัติที่เป็นคุณแก่ผู้ที่ยากลำบากที่สุดก็ไม่เกิดขึ้นอย่างอัตโนมัติ

        เช่นเดียวกับที่ปรากฏในซีรีส์ ถึงแม้ความมั่งคั่งไม่ได้เป็นปัจจัยแต้มต่อในการชนะเกมส์ แต่ตำแหน่งในสังคมกลับไม่สามารถสละหลุดไปง่าย ๆ มันติดตัวไปตลอดและก็กลายเป็นอภิสิทธิ์ที่เอาเปรียบผู้อื่นโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ การจบมหาวิทยาลัยโซลของซังอูช่วยให้เขากลายเป็นคนที่น่าเชื่อถือในทันที การเป็นหัวหน้าแก๊งอันธพาลของด็อกซูก็ทำให้เขาเป็นหัวหน้ากลุ่มกักขฬะและได้เปรียบเสมอเมื่อมีการเล่นเกมส์โดยใช้พละกำลัง การใช้ชีวิตมิจฉาชีพของแซบอคและมินโยก็ช่วยให้พวกเธอลักลอบนำมีดและไฟแช็กเข้ามาแข่งขันจนได้เปรียบคนอื่น การที่บยองกีจบหมอก็กลายเป็นแต้มต่อให้เขาได้ข้อมูลล่วงหน้าของเกมส์แต่ละรอบ การที่ซังฮีทำงานโรงงานกระจก 30 ปีก็ทำให้เขามีโอกาสรอดชีวิตมากกว่าคนอื่น และเมื่อมีอคติบังตาทุกคนก็ล้วนตัดสินใจว่าการกระจายทรัพยากรต้องให้ตัวเองก่อนเพราะตัวเองลำบากที่สุด

“นอกจากนี้สังคมปิตาธิปไตยของเกาหลีใต้ที่ฝังรากลึกแม้กระทั่งการละเล่นของเด็ก ก็ทำให้กลุ่มคนที่ลำบากอย่างเพศหญิงและคนแก่ถูกคัดออกเป็นตัวเลือกแรกจากการคัดหาสมาชิกเสมอ”

ตั้งคำถามเจตจำนงเสรี

        ทฤษฎีความยุติธรรมแนวเสรีนิยม เชื่อว่าการกระจายที่ยุติธรรมที่สุดคือ การกระจายตามกลไกตลาดและการแลกเปลี่ยนโดยเจตจำนงเสรี ถ้าเชื่อแบบสุดโต่งแล้วละก็ แม้แต่การนำอวัยวะของตนเองไปขาย ก็ถือว่าเป็นเรื่องถูกต้องทางศีลธรรมและยุติธรรมดีแล้ว อย่างไรก็ตาม ในซีรีส์ก็ได้ตั้งคำถามว่าจะแน่ใจอย่างไรว่าการที่แต่ละคนตัดสินใจแลกเปลี่ยนในตลาดเพราะเจตจำนงเสรีจริง ๆ เขาอาจตัดสินใจเพราะถูกบังคับด้วยอำนาจทางกายภาพก็ได้ เช่น การที่เจ้าหนี้นอกระบบไปบังคับกีฮุนให้เซ็นมอบอวัยวะเพื่อชดใช้หนี้ หรือแม้แต่การที่ผู้เล่นแต่ละคนมาเซ็นสัญญาก่อนเข้าเล่น Squid Game” โดยสมัครใจ มันมาจากเจตจำนงเสรีของเขาร้อยเปอร์เซ็นต์โดยปราศจากแรงกดดันทางเศรษฐกิจจริงหรือ?

โชคและความสามารถ

        แนวความคิดความเท่าเทียมด้านโอกาสเชื่อว่า ถ้าทุกคนเข้าถึงโอกาสได้เหมือนกันก่อนที่จะมีการแข่งขันเกิดขึ้นแล้ว ถึงแม้ผลลัพธ์การแข่งแตกต่างกันก็ยุติธรรมเสมอ ทุกคนมีความฝันแต่ไม่จำเป็นที่ว่าทุกคนต้องสำเร็จตามความฝันเสมอไป เพราะการจะไปถึงฝันได้ก็ต้องใช้ความขยัน พรสวรรค์ และโชคด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้เกินขอบเขตอำนาจของสถาบันสังคมที่จะกระจายให้เท่าเทียมกันได้ ดังนั้นในโลกทุนนิยมที่มีหัวใจจึงอนุญาตให้ดารา นักร้อง และผู้มีพรสวรรค์ มีรายได้ตอบแทนสูงกว่าคนสามัญธรรมดาทั่วไป ตรงกันข้าม ผู้ที่โชคร้ายแทงม้าแพ้อย่างกีฮุนในตอนต้นเรื่องก็ถือว่าเป็นเรื่องยุติธรรมดีแล้วและต้องแบกรับหนี้สินที่ก่อขึ้นเอง

        อย่างไรก็ตาม ซีรีส์ก็ตั้งคำถามถึงแนวคิดความยุติธรรมดังกล่าวโดยฉายภาพให้ผู้ชมเห็นชัดเจนมากขึ้นในรูปผู้แพ้ต้องถึงแก่ความตาย ไม่ว่าจะเป็นโชคที่คาดเดาความน่าจะเป็นได้ อย่างการเลือกระหว่างแผ่นกระจกนิรภัยกับไม่ใช่นิรภัย หรือโชคที่คาดเดาความน่าจะเป็นไม่ได้ อย่างจาฮยองแพ้เกมส์ดีดลูกแก้วเพราะบังเอิญมีก้อนหินไปเบี่ยงเส้นทาง ซ้ำร้ายการพนันระหว่างคนจนและคนรวยกลับไม่เท่าเทียมกันอีก สำหรับคนจนการพนันมันคือหนทางการรอดชีวิต แต่สำหรับมหาเศรษฐีมันคือความสำราญชนิดหนึ่ง ดังเห็นได้ว่าบรรดาแขกวีไอพีเลือกแทงพนันว่าผู้เล่นเบอร์ใดจะรอดชีวิตอย่างสนุกสนาน เพราะเงินที่แพ้จากการพนันก็ไม่ทำให้ขนหน้าแข้งร่วงได้

ความล้มเหลวรัฐสวัสดิการตะวันตกในสังคมเอเชียตะวันออก

       เกาหลีใต้ดำเนินนโยบายด้านสวัสดิการสังคมจำนวนมากภายหลังการปฏิวัติประชาธิปไตย

“อย่างไรก็ตาม การเดินรอยตามสวัสดิการสังคมแบบยุโรปก็ไม่ได้สร้างให้กาหลีเป็นรัฐสวัสดิการแบบยุโรปได้อยู่ดี ยิ่งไปกว่านั้น การพยายามเดินรอยตามตะวันตกกลับกลายเป็นว่าล้มเหลวไม่เป็นท่าเมื่ออยู่ในบริบทที่แตกต่างกันอย่างสังคมเอเชียตะวันออก”

การลดความสำคัญของสถาบันครอบครัว (Defamilialization)

       ในสังคมการผลิตก่อนทุนนิยมนั้น ครอบครัวและชุมชนมีบทบาทหน้าที่หลักในการสร้างและกระจายสวัสดิการให้แก่สมาชิกของตน โดยรัฐมีเพียงหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย อย่างไรก็ตามเมื่อสังคมเข้าสู่ทุนนิยมและต่อมามีการสร้างรัฐสวัสดิการขึ้นในประเทศตะวันตก หน้าที่ในการกระจายรัฐสวัสดิการที่เคยเป็นของครอบครัวก็ถูกถ่ายโอนไปเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของรัฐแทน ยิ่งรัฐมีหน้าที่ในการกระจายสวัสดิการมากขึ้นเท่าไหร่ ความสำคัญของครอบครัวก็ถูกลดทอนมากไปเท่านั้น ไม่เว้นแม้แต่สังคมแบบเอเชียตะวันออกที่ให้ความสำคัญของครอบครัวตามคติของขงจื่อ

        อย่างไรก็ตาม ลักษณะสำคัญประการหนึ่งของรัฐสวัสดิการตะวันตกที่มักจะถูกวิพากษ์วิจารณ์เสมอคือ “Breadwinner” หรือคนที่หาเลี้ยงครอบครัวเป็นหลัก กล่าวคือ สวัสดิการต่าง ๆ ล้วนติดอยู่กับสิทธิของเพศชายในฐานะหัวหน้าครอบครัวเป็นหลัก โดยไม่ให้ความสำคัญของเพศหญิง งานบ้านของเพศหญิงไม่เคยถูกนับรวมใน GDP ของชาติ ซึ่งเป็นฐานสำคัญต่อการหาเงินไปใช้จ่ายในโครงการสวัสดิการสังคมต่าง ๆ ระบบรัฐสวัสดิการตะวันตกจึงต้องอาศัยอำนาจรัฐที่เข้มแข็ง การจ้างงานเต็มของแรงงานเพศชาย และสร้างภาวะพึ่งพาให้เพศหญิง

        ดังนั้น ความฉิบหายของรัฐสวัสดิการตะวันตกจะเกิดขึ้นเป็นลูกโซ่ทันที เพียงแค่หัวหน้าครอบครัวตกงาน กีฮุนที่เคยมีสถานะมั่นคงจากการเป็นลูกจ้างบริษัทกลับมีชีวิตล้มลกจนกลับมายืนใหม่ไม่ได้เมื่อเขาตกงาน จากเดิมที่เขาเป็นเสาหลักในการหาเงินเข้าบ้านให้แม่ เมีย และลูก ก็กลายเป็นคนขี้แพ้ ไม่เอาถ่าน อกตัญญูในทันที เพียงเพราะเขาไม่มีสิทธิประโยชน์จากการจ้างงาน เมียเขาขอหย่า ส่วนเขาก็ต้องเกาะมารดาด้วยเงินบำนาญของแม่ ยิ่งไปกว่านั้น เมียเขาก็ยังไม่สามารถหลุดกับดักภาวะพึ่งพิงได้อยู่ดี เพราะต้องหาสามีใหม่ที่มีฐานะการงานมั่นคงกว่า เพื่อเขาจะได้ให้สิทธิประโยชน์เผื่อแผ่มาถึงเธอกับลูกสาวติดของสามีคนเก่า

สมรรถนะของรัฐที่จำกัดในสังคมที่ซับซ้อน

รัฐสวัสดิการตะวันตกเป็นรัฐที่ต้องอาศัยรัฐราชการเป็นกลไกในการขับเคลื่อนนโยบายสังคม สมรรถนะของรัฐที่เข้มแข็งจึงสำคัญมาก รัฐต้องเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนแต่ลละคน เพื่อจะได้ทราบถึงปัญหาต่าง ๆ แล้วนำมาวางแผนนโยบาย อย่างไรก็ตาม เมื่อสังคมซับซ้อนมากขึ้นและจำนวนคนมากขึ้นด้วยความเร็วที่มากกว่ารัฐราชการจะปรับตัวเสริมสมรรถนะได้ทัน การกระจายสวัสดิการสังคมก็เกิดความล่าช้าและไม่เพียงพอตอบสนองต่อความต้องการของประชาชน

        การให้บริการของตำรวจในซีรีส์ก็เป็นภาพสะท้อนให้ได้ชมกัน ตำรวจไม่สามารถเข้าช่วยเหลือเหตุการณ์เล็ก ๆ หรือเหตุการณ์ที่ดูเหมือนเพ้อเจ้ออย่างSquid Game”นายตำรวจจึงปฏิเสธการรับคำร้องของกีฮุนและไล่เขาไป เมื่อรัฐราชการตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนไม่ทัน มันก็ต้องอาศัยประชาชนและประชาสังคมด้วยกันเองที่ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน แต่ทว่าจะทำอย่างไรเล่า เมื่อหน้าที่การกระจายสวัสดิการมันถูกโอนย้ายไปที่รัฐแล้วและด้อยค่าของการบริจาคและช่วยเหลือกันเองของประชาชน อีกทั้งข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนจะถูกเก็บรักษาไว้ได้อย่างไร เมื่อผู้ก่อตั้ง Squid Game” สามารถทะลวงหาข้อมูลหนี้สินของผู้เล่นแต่ละคนไอย่างไม่ยากลำบาก

 ความซับซ้อนของความเหลื่อมล้ำเกินกว่าแก้ด้วยยารัฐสวัสดิการ

       ความเหลื่อมล้ำและรัฐสวัสดิการไม่ใช่เรื่องเดียวกัน ความเหลื่อมล้ำและความยุติธรรมเป็นปัญหาที่ซับซ้อนฝังรากลึกและมีประวัติศาสตร์ที่แตกต่างกันในแต่ละสังคม การมีรัฐสวัสดิการจึงไม่ใช่สูตรสำเร็จหรือยาวิเศษรักษาทุกโรคในการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำ รัฐสวัสดิการที่ใจดีที่สุดที่เสนอสิทธิประโยชน์ที่ดีที่สุดให้กับพลเมืองตนเองในฉากหน้า มันก็มีฉากหลังอยู่เสมอที่ต้องพบบุคคลที่ต้องถูกขูดรีดแรงงาน รัฐสวัสดิการแบบสวีเดนจะเป็นไปไม่ได้เลยถ้าไม่มีการรับแรงงานต่างด้าวไร้ทักษะเพื่อมาทำงานหนักที่พลเมืองตนเองไม่ยอมทำ และเช่นเดียวกันกับในเกาหลีใต้ที่ระบบเศรษฐกิจและรัฐสวัสดิการดำเนินไปได้ เนื่องจากส่วนหนึ่งมันได้ขูดรีดเอาเปรียบแรงงานต่างด้าวอย่างอาลี ขูดรีดคนเกาหลีเหนือที่หนีมาเกาหลีใต้อย่างแซบอค

        นอกจากนี้ ถึงแม้รัฐสวัสดิการเสนอสิทธิประโยชน์ที่เหมือนกันที่ดีที่สุด มันก็ไม่ได้หมายความว่าจะสร้างความเท่าเทียมกันได้เสมอไป เพราะแต่ละคนมีความจำเป็น มีรสนิยมที่แตกต่างกันในพหุสังคมที่หลากหลาย ในมื้ออาหารชั้นเลิศเสิร์ฟในคืนก่อนเล่นเกมส์รอบสุดท้าย ซังอูที่เป็นคนในสังคมชั้นสูงตามมาตรฐานเกาหลีใต้สามารถกินเนื้อริบอายราคาแพงและดื่มไวน์แดงชั้นดีอย่างไม่เคอะเขิน เมื่อเปรียบเทียบกับกีฮุนหนุ่มขับรถบรรทุกวัยกลางคนที่ต้องคอยชำเลืองและลอกเลียนพฤติกรรมของซังอู ส่วนแซบอคก็ทิ้งอาหารไว้กว่าครึ่งลงถังขยะเพราะไม่คุ้นชินกับอาหารชั้นเลิศแบบนั้น

รัฐสวัสดิการใหม่ที่เกาหลีใต้กำลังสร้าง

       เมื่อรัฐสวัสดิการแบบตะวันตกกำลังถึงทางตันในสังคมเกาหลีใต้ แล้วรัฐสวัสดิการแบบใหม่ที่ใฝ่ฝันกันจะเป็นลักณะอย่างไร ? อันที่จริงแล้วมันก็ปรากฎอยู่ในหนังเกาหลีใต้หลาย ๆ เรื่องไม่ใช่เฉพาะแค่Squid Game

สถาบันครอบครัวคือหน่วยสังคมที่สำคัญที่สุด

       จริงหรือที่รัฐสวัสดิการต้องทำลายคุณค่าสถาบันครอบครัว ? มันจะมีทางเลือกที่สามหรือไม่ที่การเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนเป็นสิทธิพื้นฐานพร้อม ๆ กับรักษาคุณค่าของสังคมตะวันออกอย่างสถาบันครอบครัวแบบขงจื่อ ? ผมเองก็รู้สึกเช่นเดียวกันว่าคุณค่าบางอย่างเงินไม่สามารถทดแทนได้ อาหารฝีมือแม่ที่ทำต้อนรับลูกเสมอยามเหนื่อยล้ากลับมาบ้าน ข้าวกล่องที่ภรรยาทำให้สามีทุกเช้าก่อนไปทำงาน มันคงหมดความหมายไปทันทีเมื่อมันกลายเป็นสินค้าในระบบทุนนิยม ที่เราต้องจ่ายให้แม่ หรือให้ภรรยาทุกครั้งเมื่อทานอาหาร เราจะสามารถตอบแทนแม่ ตอบแทนภรรยาจากการเหนื่อยล้าทำงานบ้านได้อย่างไร โดยที่ไม่สร้างภาวะพึ่งพิงให้พวกท่าน

        ในซีรีส์เรื่องนี้เราจึงมักเห็นการเตือนสติผู้ชมเกาหลีใต้ว่ากลับมาให้ความสำคัญสถาบันครอบครัวอีกครั้ง สร้างสังคมที่ให้ความสำคัญกับคนรุ่นเก่าที่เสียสละตนเองสร้างชาติขึ้นมา สร้างความสมานฉันท์ร่วมกันระหว่างรุ่น สร้างรัฐสวัสดิการใหม่ที่ไม่เอา

“Breadwinner” อีกแล้ว แต่ต้องรักษาครอบครัวไปให้ได้พร้อมกัน“นโยบายสวัสดิการสังคมแบบใหม่ของเกาหลีใต้จึงไม่ผูกติดเฉพาะหัวหน้าครอบครัวเพศชายอีกต่อไป แต่ขอให้เป็นครอบครัวญาติพี่น้อง ญาติห่าง ๆ ที่ทำงานอยู่ก็ได้ ก็เพียงพอต่อการขอสิทธิประโยชน์สวัสดิการจากรัฐได้”

เงิน

       เงินเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการทำนโยบายสวัสดิการสังคม การจะสร้างสังคมอุดมคติขึ้นมาได้มันก็ต้องมีค่าใช้จ่ายเสมอ ความเชื่อเรื่องที่จะสร้างรัฐสวัสดิการเพื่อชนชั้นกรรมาชีพ ทำสงครามกับชนชั้นนายทุน จะนำไปสู่ความล้มเหลว ตรงกันข้ามการสร้างรัฐสวัสดิการสำเร็จได้ ต้องมีการดึงคนทุกกลุ่มมาเข้าร่วมให้มากที่สุด”

        ความมั่งคั่งจากคนร่ำรวยเป็นแหล่งเงินสำคัญของรัฐสวัสดิการ และแน่นอนว่าจู่ ๆ ไปบังคับเก็บจากคนรวยมหาศาลก็เป็นเรื่องยากลำบาก พวกเขามีอำนาจและทางเลือกมากพอที่จะหลบเลี่ยงภาษีได้เสมอ ดังนั้นการจะเอาเงินจากคนร่ำรวยได้มันต้องมาจากความเต็มใจ เหมือนที่ปรากฏในแขกวีไอพีที่จ่ายเงินแทงพนันจำนวนมหาศาลเพื่อได้รับความบันเทิงกลับคืนมา ในขณะเดียวกันเงินก้อนนั้นก็นำไปจ่ายให้รางวัลแก่ผู้ชนะนำไปสร้างโอกาสตนเองได้ไหม หรือถ้าเกมส์เลิกกลางคันเงินก้อนนั้นก็จะนำไปแจกจ่ายให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตทดแทน

เศรษฐกิจแบ่งปันและกรรมสิทธิ์ส่วนรวม

       เกมส์ลูกแก้วเป็นเกมส์สร้างความสะเทือนใจให้ผู้ชมมากที่สุด เมื่อคู่หูที่เราไว้ใจที่สุดกลับกลายเป็นศัตรูในที่สุด อย่างไรก็ตามถ้าผู้ชมตั้งใจฟังดี ๆ ผู้สร้างเกมส์ก็ไม่เคยสร้างกฎกติกาการเล่นใด ๆ เลย พวกผู้เล่นต่างหากที่สร้างกฎการแข่งขันขึ้นมาและล้วนจินตนาการว่าต้องเป็นกฎการแข่งขันแบบทุนนิยมที่ต้องมีคนแพ้เสมอ อันที่จริงแล้วกฎแค่บอกว่าให้เอาลูกแก้ว 10 ลูกจากคู่ของท่านมาให้ได้ ซึ่งงทางออกที่ทุกคนจะรอดได้ก็คือ “กันบู” ตามที่คุณตาพยายาบอกใบ้ให้กีฮุนฟังหลาย ๆ ครั้ง กันบูก็คือลูกแก้วไม่เป็นของใครเลยแต่เป็นของส่วนรวม คุณกับคู่หูสามารถรอดไปพร้อมกันได้เพียงแค่นำลูกแก้วสิบลูกของตนเองแลกกับคู่หู อย่างไรก็ตามทุกคนต่างก็ตกหลุมการแข่งขันทุนนิยมไปหมดและต้องสูญเสียคนที่คุณรักไป ไม่ว่าภรรยา เพื่อน พ่อ และลูกน้อง สิ่งที่คนชนะพอจะทำได้เมื่อมันสายไปก็คือ อย่าลืมว่ามีคนที่เสียสละไปในทุนนิยมเพื่อให้เราอยู่รอดได้

       ความไม่เห็นแก่ตัวและความเข้าใจจิตใจผู้อื่น

       คนลักษณะนิสัยอย่างกีฮุนคือคนที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมาก่อนประโยชน์ส่วนตน (altruism) การเปลี่ยนแปลงไปสู่สังคมอุดมคติเกาหลีใต้จะแทบเป็นไปไม่ได้เลยถ้าผู้ชนะไม่ใช่กีฮุนแต่เป็นซังอู แต่ขณะเดียวกันความใจดีของกีฮุนก็สร้างสังคมอุดมคติไม่ได้เลยถ้าไม่มีพวกนักปฏิบัตินิยมอย่างซังอู

        กีฮุนพร้อมยกเลิกเกมส์เสมอเพื่อรักษาชีวิตคนที่กำลังตายต่อหน้า แต่การตัดสินใจดังกล่าวในอดีตก็เกือบทำให้ภรรยาเขาต้องตายทั้งกลม และเช่นเดียวกัน เขาเกือบทำให้ชีวิตของผู้เล่นที่ตายไปสูญเปล่าทันทีเมื่อตัดสินใจจะเลิกเกมส์กลางคัน ในขณะเดียวกันถ้าคนเห็นแก่ตัวอย่างซังอูชนะ แทบเป็นไปไม่ได้เลยว่าเขาจะนำเงินไปช่วยเหลือพวกญาติ ๆ ของผู้เล่นที่เสียชีวิต แต่เขาเองก็มั่นใจความไม่เห็นแก่ตัวของพี่คนละสายเลือดอย่างกีฮุน และยอมให้กีฮุนเป็นผู้ชนะเพื่อนำเงินรางวัลไป

        “ในเรื่องกีฮุนหลั่งน้ำตานับครั้งไม่ถ้วน น้ำตาไม่ได้แสดงความอ่อนแอหรือขี้แพ้แต่อย่างใด แต่มันสะท้อนว่าเรายังเหลือความเป็นมนุษย์อยู่ รู้และสัมผัสความยากลำบากของเพื่อนมนุษย์ได้และอยากที่จะช่วยเหลือ”

      

การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสังคมเป็นสิ่งสำคัญยิ่งยวด

แต่เราก็ต้องไม่ลืมว่ารากฐานระดับบุคคลแบบความไม่เห็นแก่ตัวและการเข้าใจจิตใจผู้อื่นมันก็ขาดไม่ได้เช่นเดียวกัน

แต่เราก็ต้องไม่ลืมว่ารากฐานระดับบุคคลแบบความไม่เห็นแก่ตัวและการเข้าใจจิตใจผู้อื่นมันก็ขาดไม่ได้เช่นเดียวกัน


[1]   โปรดดู Rawls, John. 2005. (1971). A Theory of Justice: Original Edition. Cambridge, Mass: Harvard University Press.

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

เรื่องเด่น

บทความ

   ดูทั้งหมด
15 ธันวาคม 2565    Common School

สถาบันครอบครัวแบบขงจื๊อและรัฐสวัสดิการของเกาหลีใต้

8 ธันวาคม 2565    Common School

FIFA World Cup กับด้านมืดของ (เหล่า) เจ้าภาพที่กำลังละเมิดสิทธิผู้อื่น

22 พฤศจิกายน 2565    Common School

Brave New World

19 พฤศจิกายน 2565    Common School

สายใยครอบครัวถักทอรัฐสวัสดิการ

19 พฤศจิกายน 2565    Common School

หรือที่ความรู้ไร้ประโยชน์เพราะมันคัดง้างระบอบอำนาจ? : อ่านไขว้ “ประโยชน์ของความรู้ที่ไม่มีประโยชน์” x “แม่ง โคตรโฟนี่เลย”

14 พฤศจิกายน 2565    Common School

“เรื่องง่ายๆ” นวนิยายที่บอกว่าระบบราชการไม่เรียกร้องทักษะการใช้เหตุผล

13 พฤศจิกายน 2565    การเมืองท้องถิ่น บทความ

จดหมายเปิดผนึก ถึงประชาชนที่เคารพ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สมาชิกสภาท้องถิ่น ข้าราชการและบุคลากรท้องถิ่นทั่วประเทศไทย

9 พฤศจิกายน 2565    Common School

เครือข่ายทหารสายวัง 2 แผ่นดิน กรณี “ทหารเสือราชินี” และ “ทหารคอแดง”

7 พฤศจิกายน 2565    Common School

เรื่องเกิดจากนามสกุลใหม่: ทลายสังคมชายเป็นใหญ่ด้วยรักแท้ฝ่าข้อจำกัด (?)

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า