เมื่อไหร่ประเทศไทยจะพ้นจากการเป็นประเทศ “กำลังพัฒนา”?
ตลอดเวลากว่า 4 ปีที่ผมและชาวอนาคตใหม่ เริ่มทำงานการเมืองมา ทุกจังหวัด อำเภอ ตำบล หมู่บ้าน ที่เราเดินทางไป เราได้เห็นคนเก่ง เห็นสถานที่ที่สวยงามตระการตา เห็นศักยภาพของผู้คน เห็นโอกาสทางเศรษฐกิจมากมายที่ทำให้เราตั้งคำถามว่า เหตุใดประเทศไทยจึงไม่สามารถไปได้ไกลกว่านี้ ทำไมเราจึงเป็นประเทศกำลังพัฒนา รายได้ปานกลาง มาตลอดหลายสิบปี
คำตอบที่ผมได้รับจากประสบการณ์ของผมเอง และจากการพูดคุยกับประชาชนหลากหลายกลุ่ม ก็คือ ระบบราชการ การบริหารแบบรัฐรวมศูนย์ของไทยนั่นเอง ที่ล่ามโซ่ตรวนประเทศไทยเอาไว้ ไม่ว่าเราจะมีของดีเท่าไหร่ แต่ขาดคนบริหารที่มองเห็นและเข้าใจของดีเหล่านั้น การแก้ปัญหาที่ล่าช้า นโยบายที่ไม่ตอบสนองความต้องการของประชาชน คนรู้วิธีแก้ปัญหากลับไม่มีงบประมาณและอำนาจในการแก้ปัญหา ต้องรอคำสั่งจากส่วนกลางที่นั่งในห้องแอร์
พวกเราเชื่อว่าหากประเทศไทยไม่จัดการเรื่องปัญหาการกระจายอำนาจ ไม่ให้อิสระกับท้องถิ่น เราจะไม่มีวันไปไกลกว่านี้ได้
พวกเราคณะก้าวหน้าจึงได้รณรงค์ #ขอคนละชื่อปลดล็อกท้องถิ่น ซึ่งเป็นกิจกรรมเชิญชวนบุคคลผู้มีสิทธิเลือกตั้งเข้าชื่อแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 เพื่อขจัดอุปสรรคในการกระจายอำนาจไปสู่ท้องถิ่นที่เกิดขึ้นจากรัฐธรรมนูญปัจจุบัน
การกระจายอำนาจเพื่อคืนอำนาจให้ท้องถิ่นและยุติรัฐราชการรวมศูนย์ เป็นกุญแจดอกเดียวที่จะปลดล็อกปัญหา ไม่ใช่แค่รับประกันว่าผู้บริหารท้องถิ่นต้องมาจากการเลือกตั้ง แต่ยังทำให้ท้องถิ่นมีอำนาจเต็มในการจัดทำบริการสาธารณะในพื้นที่ทุกเรื่อง ยกเว้นแค่เรื่องกองทัพ และเงินตรา รวมถึงยังได้เสนอให้มีการแก้ไขปัญหาอำนาจที่ทับซ้อนกันระหว่างราชการส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น โดยให้ภารกิจการจัดทำบริการสาธารณะในพื้นที่เป็นภารกิจขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นก่อน และเพิ่มอำนาจการตรวจสอบและการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ นอกจากนี้ยังเสนอให้เพิ่มรายได้ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้มีงบประมาณและมีอิสระมากขึ้นในการจัดทำบริการสาธารณะ ตอบสนองความต้องการของประชาชน
เมื่อเป็นเช่นนั้น สามารถ #ปลดล็อกท้องถิ่น ได้ ศักยภาพที่ถูกกดทับอยู่ในพื้นที่ต่างๆ จะถูกระเบิดพลังออกมา เปรียบเหมือนการยกก้อนหินที่กดทับ 77 จังหวัดออกไป ปลดปล่อยประเทศไทยให้พุ่งทะยานไปข้างหน้า
ตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่พวกเรารณรงค์รับรายชื่อจากประชาชนทั่วประเทศ จัดเวทีรณรงค์ใน 30 จังหวัด มีประชาชนทุกพื้นที่ทั่วประเทศร่วมลงชื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญกับพวกเราทั้งสิ้น 80,772 รายชื่อ และสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรตรวจสอบรายชื่อ มีเอกสารครบถ้วน จำนวน 76,591 รายชื่อ
ทั้งหมดนี้พิสูจน์ให้เห็นว่า มีประชาชนอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบริหารราชการของประเทศ อยากเห็นการกระจายอำนาจที่สมบูรณ์เกิดขึ้นในประเทศไทย ยิ่งไปกว่านั้น การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้จะเป็นการหาข้อตกลงร่วมกันจากประชาชนทุกกลุ่มทุกฝ่าย เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ไม่ใช่เรื่องของพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง แต่เป็นเรื่องประโยชน์ของการบริหารราชการแผ่นดิน เป็นประโยชน์ต่อประชาชน และต่อประเทศไทย
ขณะนี้ ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมได้ผ่านการรับฟังความคิดเห็นประชาชนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 77 เรียบร้อยแล้วและกำลังจะเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาในวันที่ 29-30 พฤศจิกายน 2565 ผมจึงขอให้พี่น้องประชาชน รวมถึงนายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สมาชิกสภาฯ และข้าราชการท้องถิ่นทุกท่าน ช่วยกันรณรงค์ และส่งเสียงเรียกร้องไปยังสมาชิกรัฐสภา ให้ลงคะแนนรับหลักการร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมฉบับนี้
หากการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้สำเร็จ คนที่ได้ประโยชน์ไม่ใช่นายกฯท้องถิ่น ไม่ใช่ข้าราชการท้องถิ่น แต่คือประชาชนคนไทยทั้ง 77 จังหวัด ที่จะได้ปลดปล่อยศักยภาพของท้องถิ่นตัวเอง พาประเทศไทยไปให้ไกลกว่านี้ ก้าวหน้า และก้าวไกลกว่านี้