เป็นอีกครั้งที่ทำให้สังคมตระหนัก และอาจต้องกลับมาฉุกคิดตั้งคำถามกับบรรดาเหล่า “คนดี” ผู้ที่ฉากหน้าคือการออกมาป่าวประกาศกับสาธารณะว่า “จงรักภักดี-ปกป้องสถาบัน” พร้อมทั้งไล่บดขยี้กลุ่มคนที่คิดต่างโดยเฉพาะพวก “สามนิ้ว – ชังชาติ” หากแต่เนื้อแท้เมื่อความจริงปรากฏแดงโร่ คนเหล่านี้กลับเป็นผู้มีพฤติกรรมฉาวโฉ่ และเป็นพวก “ดีแตก” กลายเป็นผู้ทำผิดกฎหมายบ้านเมืองเสียเอง
ไม่ว่าจะในกรณีของ “ประสิทธิ์ เจียวก๊ก” หนึ่งในจิตอาสา 904 นักธุรกิจผู้ใกล้ชิดกองทัพ เข้านอกออกในค่ายทหารได้อย่างมีอภิสิทธิ์ อีกทั้งยังเป็นวิทยากรปฏิบัติการข่าวสาร (Information Operations : IO) หรือเรียกกันว่า “ไอโอ” ซึ่งมีคอร์สติวเข้มให้กับบรรดาทหารและอาสาสมัครต่างๆ มากมาย มีจุดประสงค์เพื่อด้อยค่าและทำลายฝ่ายประชาธิปไตย มาตั้งแต่ครั้งยังเป็นพรรคอนาคตใหม่ จนกลายเป็นพรรคก้าวไกลและคณะก้าวหน้า ก็ยังถูกเครือข่ายไอโอของประสิทธิ์ตามเล่นงานไม่หยุดหย่อน
แต่สุดท้าย 14 พฤษภาคม 2564 ความจริงเกี่ยวกับประสิทธิ์ก็ปรากฏ เมื่อตำรวจกองปราบปรามแถลงข่าวการจับกุมเครือข่ายต้มตุ๋น “ฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน” จากการตั้งบริษัทเครือข่ายธุรกิจขึ้นมา แล้วหลอกลวงชักชวนให้ผู้เสียหายนำเงินมาลงทุนในหลายรูปแบบ อ้างว่าจะได้เงินตอบแทนสูง โดย 1 ใน 4 ของผู้กระทำผิดนั้นมี “ประสิทธิ์ เจียวก๊ก” รวมอยู่ด้วย
ไม่ว่าจะในกรณีของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ “ผู้กำกับโจ้” ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์ อีกหนึ่งใน จิตอาสา 904 ที่มีความเชื่อมโยงกับ “บิ๊กๆ” ในกรมตำรวจมากมาย ซึ่งเมื่อเดือนสิงหาคม 2564 เรื่องของเขาก็กลายเป็นข่าวใหญ่ช็อคคนทั้งประเทศ จากกรณีร่วมกับพวกอีก 7 คน ซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ทำการซ้อมทรมานผู้ต้องหาโดยการเอาถุงดำคลุมหน้าเพื่อบังคับให้รับสารภาพ จนทำให้ผู้ต้องหาเสียชีวิต มีคลิปวีดีโอความโหดเหี้ยมเผยแพร่ออกมาเป็นหลักฐานมัด สุดท้ายโดนคดียาวเป็นหางว่าว และหนึ่งในนั้นคือข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นด้วยการทรมานกระทำทารุณ”
นี่ยังไม่นับความผิดปกติต่างๆ ทั้งเส้นทางอาชีพของเขาที่ไต่เต้าขึ้นมาสู่ตำแหน่งผู้กำกับด้วยอายุยังไม่ถึง 40 ปี รวมถึงความร่ำรวยที่เปิดเผยชัดแจ้งต่อสาธารณะ ไม่ว่าจะการมีบ้านหรูระดับคฤหาสน์กลางกรุง มีรถหรูหลายคัน รวมถึงคลุกคลีอยู่ในแวดวงไฮโซ ซึ่งไม่ง่ายที่นายตำรวจอายุเพียงเท่านี้จะมีสิ่งเหล่านี้ได้ ฉายา “โจ้ เฟอร์รารี่” ไม่ใช่อะไรที่ธรรมดาแน่นอน
หากย้อนไปดูข้อความร้องเรียนจากลูกน้อง จะเห็นได้ชัดว่าคนเราคิดอย่างไร “ทีแรกตอนท่านมารับตำแหน่ง พวกผมก็แอบดีใจนะครับ เพราะค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต พบว่า ท่าน ผกก.แกรวย มีฐานะ ขับรักเฟอเรอรี่ อยู่สังคมไฮโซ เคยคบหามีแฟนเป็นดารา หน้าตาท่าน ผกก.ก็ดูดี แถมยังเป็นจิตอาสาพระราชทาน รุ่นแรก … ดีใจกันใหญ่เลยครับ มีคนดีเป็นพ่อพระมาแล้ว เบี้ยเลี้ยง ค่านำ้มันหรือความสุขต่อประชาชนจะดี แต่ที่ไหนได้ครับ นี่มันโจรในคราบเครื่องแบบชัดๆ คนเรามันดูที่ภายนอกไม่ได้กันจริงๆ”
ทั้ง “ประสิทธิ์ เจียวก๊ก” และ “พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล” ต่อมาถูกศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน มีคำสั่งให้พ้นสภาพจากการเป็นจิตอาสา 904 พร้อมเรียกคืนเครื่องแต่งกาย หมวก ผ้าพันคอ เครื่องหมายจิตอาสา 904 (ปีกโลหะ/ปีกผ้า) บัตรประจำตัว และใบประกาศนียบัตร
มาถึงกรณี “คนดี” ที่ “ดีแตก” ล่าสุด คือ อดิศร โสภา หรือ “เอ มินเนี่ยน” นักธุรกิจในอุตสาหกรรมบันเทิง ผู้ที่ประกาศตัวชัดเจนว่ายืนอยู่ตรงข้ามฝ่ายประชาธิปไตย สนับสนุนระบอบราชาธิปไตย และแสดงออกอย่างโจ้งแจ้ง มีผลงานเป็นที่ประจักษ์เสมอมา ไม่ว่าจะเป็นกรณีการประกาศดักตบพรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ในขณะนั้น, การตอบโต้ทางการเมือง อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส. พรรคก้าวไกล ที่ชักชวนให้แบนร้านสุกี้แห่งหนึ่ง เพราะไปจัดเลี้ยงอาหารให้กับทีวีดาวเทียมช่องหนึ่งซึ่งสนับสนุนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ปรากฏว่ากลุ่มของ เอ มินเนี่ยน ก็ตอบโต้ด้วยการไปนั่งกินในร้านดังกล่าวในชุดมินเนี่ยนและทำคลิปวีดีโอออกมา
นอกจากนี้ ที่บ้านของ “เอ มินเนี่ยน” ในหมู่บ้านกฤษดานคร 31 เขตทวีวัฒนา ยังมีการติดป้ายไวนิลจำนวนมากซึ่งมีข้อความโจมตี ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่/ประธานคณะก้าวหน้า รวมถึง ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งที่บ้านหลังเดียวกันนี้ถูกใช้เป็นโรงงาน มีพนักงานทำงานอยู่ภายใน เคยถูกไฟไหม้จนพังถล่มลงมาและมีผู้เสียชีวิตถึง 5 ราย รวมถึงอาสาสมัครดับเพลิงด้วย ซึ่งเหตุการณ์นี้ ตัวของ “เอ มินเนี่ยน” ปักใจเชื่อว่าเกี่ยวโยงการเมือง
อย่างไรก็ตาม สาเหตุของไฟไหม้ที่แท้จริงนั้นไม่แน่ชัด แต่ที่ตกใจที่ทำให้ไฟลุกลามอย่างรวดเร็วและทำให้อาคารพังถล่มลงมานั้น เป็นเพราะบ้านหรือโรงงานดังกล่าวเต็มไปด้วยวัตถุไวไฟ ไม่ว่าจะเป็น หนังสือเรียนดำน้ำกว่าหมื่นเล่ม, หน้ากาก เจลแอลกอฮอล์, อุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆ เป็นต้น โดยเหตุการณ์นี้ซึ่งมีทั้งเจ้าหน้าที่อาสาสมัครดับเพลิง และพนักงานในโรงงานเสียขีวิตนั้น ในหลวงทรงรับคนเจ็บจากเหตุไฟไหม้ดังกล่าว เป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ขณะที่เจ้าของบ้านอย่าง “เอ มินเนี่ยน” ถูกวิจารณ์หนักว่าซาบซึ้งในน้ำพระทัยแต่ยังไม่สลด เพราะหลังเกิดเหตุเจ้าตัวยังคงโพสต์แต่งชุดมินเนี่ยนกินเที่ยวในญี่ปุ่นอย่างสนุกสนาน
เรื่องของ “เอ มินเนี่ยน” กลายมาเป็นข่าวคราวบนหน้าสื่ออีกครั้ง เมื่อ 29 มกราคม ที่ผ่านมานี่เอง เมื่อคณะกรรมการตรวจสอบและดําเนินคดีแก่ผู้เผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ค (คตส.) ร่วมกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล แถลงข่าวจับกุมเครือข่ายเว็บไซต์การพนันออนไลน์รายใหญ่ หลังได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้ปกครองว่า มีลูกหลานเข้าไปเล่นพนัน ซึ่งหนึ่งในเครือข่ายนั้นคือ “เอ มินเนี่ยน” ที่เปิดเว็บไซต์ A-SETZONE มีเซิร์ฟเวอร์อยู่ในประเทศกัมพูชา พบมีเงินหมุนเวียนกว่า 1,000 ล้านบาท
ถึงตอนนี้ “เอ มินเนี่ยน” ยังคงเก็บตัวเงียบอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น ด้านเฟซบุ๊กส่วนตัว A Adisorn Sopha ที่มักออกมาโจมตีด้อยค่าฝ่ายประชาธิปไตยอย่างรุนแรงตรงไปตรงมาอยู่บ่อยๆ นั้น ปรากฏว่าได้ปิดตัวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นี่คือเรื่องราวของบรรดาเหล่าคนที่อ้างตัวเองว่าเป็น คนดี จงรักภักดี ปกป้องสถาบัน ต่อต้านคนชังชาติ แต่แท้จริงลึกๆ แล้ว นี่เป็นเพียงฉากบังหน้า สร้างภาพ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการตรวจสอบ สืบสาวราวเรื่องไปถึงสิ่งแล้วร้ายหรือความผิดที่พวกเขาทำไว้ ใช่หรือไม่?
“คนดี” ที่เมื่อความจริงปรากฏ จาก “ประสิทธิ์ เจียวก๊ก” ถึง “ผู้กำกับโจ้” และ “เอ มินเนี่ยน” ถึงเวลาแล้วหรือยังที่สังคมไทยต้องตั้งสติ และตั้งคำถามกับบุคคลที่ชอบดึงเอาสถาบันกษัตริย์มายุ่งเกี่ยวและเป็นเกราะกำบังให้กับตัวเอง?