อังคาร 20 กรกฎาคม 2564 เป็นวันแรกที่ราชกิจจานุเบกษาฉบับที่ 28 มีผลในการยกระดับ 13 จังหวัดพื้นที่สีแดงเข้มและควบคุมสูงสุด
ตามข้อ 3 ที่ให้ประชาชนใน 13 จังหวัด เลี่ยง จำกัด หรืองดเว้นภารกิจที่ต้องเดินทางออกนอกเคหสถานหรือที่พำนักโดยไม่จำเป็น
ทำไมการประกาศครั้งนี้ถึงน่าสนใจ ?
คงเพราะด้วยคำที่ว่า “ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด” เหมือนจะเป็นการประกาศครั้งสุดท้ายว่าเอาจริงแล้วนะจากภาครัฐ
เลยทำให้อยากลองออกสำรวจกรุงเทพฯในวันที่ประกาศ “ล็อกดาวน์ ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด” มีผลบังคับใช้
เริ่มต้นเส้นทางการสำรวจด้วยการเดินทางโดยเรือคลองแสนแสบในช่วง 9 โมงเช้า
หากใครชินกับการใช้บริการเรือในคลองแสนแสบเป็นประจำจะรู้ว่าจำนวนผู้โดยสารจะแน่นขนาดไหน ภาพวันนี้ก็ไม่ต่างกัน คือ คนยังคงเดินทางไปทำงานไปทำธุระส่วนตัว
ตั้งแต่ 9 โมงเช้าจนถึงเวลาประมาณ 17.30 น. คือเวลาที่ใช้เดินทาง
ตั้งแต่ประตูน้ำ สยาม หัวลำโพง พาหุรัด คอกวัว อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิและกลับมาที่ถนนลาดพร้าวโดยการเดินทางทั้งหมดเป็นการเดินและใช้รถโดยสารสาธารณะ
รถไฟฟ้าใต้ดินเริ่มนำมาตราการเว้นระยะห่างกลับมาใช้
บนถนนราชดำเนินยังคงมีผู้คนมารอรับข้าวแจกฟรี
บนรถเมล์มีผู้โดยสารบางตาในช่วงบ่ายแต่คนเกือบเต็มคันรถหลังเลิกงาน
ทว่าสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกสะดุดความคิดตัวเองมากที่สุดคือภาพที่ผู้คนยืนซื้อล็อตเตอรี่ที่แผง ซึ่งทำให้ต้องกลับไปอ่านมาตรการกรณีบุคคลและกิจกรรมที่ได้รับการยกเว้นเรื่องการออกนอกเคหสถานอีกครั้ง
แต่ช่างมันเราไม่ตีความอื่นใดนอกจากว่า รัฐบาลและผู้ออกคำสั่งอย่าล้อเล่นกับความหวังของประชาชน อย่าง “ล็อตเตอรี่” (ฮา)
“ล็อคดาวน์ “ แบบที่ว่า “ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด”
จากที่ได้ไปสำรวจมาตลอดวันเหมือนจะไมมีความแตกต่างอะไรกับช่วงปกติ ในเมื่อ “รัฐบาล” ไม่มีมาตรการช่วยเหลือเยียวยา กรณีที่ประชาชนจะต้องล็อคตัวเองอยู่บ้านจริงๆ
ดังนั้น คนจึงยังต้องออกไปทำงาน เพราะมันหมายถึงความอยู่รอด