“คนปัตตานีก็เสียภาษี แต่ส่งของใกล้หมดอายุมาเป็นผู้ว่าฯ ทุกปี มหาดไทยใจดำ”, “ปัตตานีไม่ใช่ที่ให้คนมาเกษียณ เห็นจังหวัดเราเป็นอะไร ปัตตานีไม่เอาผู้ว่าปีเดียว”, “มหาดไทยใจดำ ส่งผู้ว่าให้มาเกษียณที่ปัตตานี อย่าดูถูกคนปัตตานี” ฯลฯ
เหล่านี้คือบางส่วนป้ายไวนิลที่ปรากฏตามจุดสำคัญทั่วเมืองปัตตานี ทั้งหน้าศาลากลางจังหวัด, หน้าศาลหลักเมือง, วงเวียนหอนาฬิกา มอ.ปัตตานี และถนนสายสำคัญ
เป็นกระแสฮือฮาและดราม่าในพื้นที่รวมถึงโลกโซเชียลที่เริ่มมีการพูดถึงเป็นอย่างมาก พร้อมๆ กับการช่วยกันติดแฮชแท็ก #SAVEปัตตานี
เหตุการณ์นี้สืบเนื่องมาจากการโยกย้ายล่าสุดของกระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่ระดับปลัด, รองปลัด, ผู้ตรวจราชการ รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งหนึ่งในนี้ก็คือ จ.ปัตตานี ที่ให้นิพนธ์ บุญหลวง พ้นจากผู้ว่าฯ จ.น่าน ไปดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี
ชำนาญ จันทร์เรือง กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า มองสถานการณ์ดังกล่าวว่า น่าจะเป็นความเหลืออดของพี่น้องประชาชนชาวปัตตานี เพราะเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมาหลายครั้งแล้ว กับการส่งคนที่เหลืออายุราชการปีเดียวมาอยู่ หรือบางครั้งก็เป็นการส่งข้าราชการในลักษณะที่เป็นการถูกทำโทษมา ซึ่งแทนที่จะไปสร้างความเจริญให้กับพื้นที่ กลับกลายเป็นการไปสร้างปัญหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่อย่างปัตตานี ซึ่งมีปัญหาอยู่แล้วเรื่องประวัติศาสตร์ เราต้องการคนที่มีความรู้ความเข้าใจ และต้องใช้เวลา ใช้กำลังความสามารถไปพัฒนาสร้างความเจริญแบบต่อเนื่อง
เกี่ยวกับการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ ก็อย่างที่ชำนาญบอก นอกจากเรื่องการลงโทษแล้ว การปูนบำเหน็จก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นปัญหาด้วย เช่น ส่งไปอยู่จังหวัดใหญ่ก่อนเกษียณ 1 ปี โดยมากครึ่งปีแรกก็มักจะหมดไปกับการตรวจเยี่ยมส่วนราชการ ขณะที่อีกครึ่งปีที่เหลือก็ประคองตัวเอาให้รอดปลอดภัย อย่างนี้ก็เป็นปัญหากับการพัฒนาจังหวัด
ชำนาญ บอกว่า ตั้งแต่ คสช.ยึดอำนาจเข้ามาปกครองประเทศ หัวใจสำคัญของการปกครองส่วนท้องถิ่นถูกทำลาย มีการรวบอำนาจ รวบบุคคลากรเข้าส่วนกลาง กว่าจะมีการเลือกตั้งผู้นำท้องถิ่นก็เพิ่งจะไม่นานนี้เอง รัฐราชการไทยที่เป็นอยู่ มีความคิดแบบ “บริติชราช” ยุคอาณานิคมอังกฤษ ที่ส่งคนที่เป็นตัวแทนจากส่วนกลาง ไปกินเมือง ไปคุมคน ไปเก็บภาษีต่างๆ ส่งเข้าส่วนกลาง ไม่ใช่เรื่องการพัฒนายกระดับชีวิตความเป็นอยู่ประชาชนในท้องถิ่นให้ดีขึ้น
“จากกระแสดราม่าที่เกิดขึ้น ทำให้เห็นชัดว่า เราต้องการผู้บริหารที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน เพราะอย่างน้อย 4 ปี ก็จะมีความต่อเนื่องในการส่งมอบนโยบาย และถ้ามีฝีมือดี ก็ได้รับเลือกต่อ 4 ปี นั่นก็เพราะประชาชนให้ความไว้ใจ ไม่มีใครรู้ปัญหาท้องถิ่นดีกว่าคนท้องถิ่น ต้องให้คนท้องถิ่นตัดสินใจเอง แต่อย่างไรก็ตาม เลือกตั้งผู้ว่าฯ อย่างเดียวไม่พอ ต้องปรับระบบราชการด้วย นั่นก็คือ ต้องยกเลิกราชการส่วนภูมิภาค ตามนโยบายยุติรัฐราชการรวมศูนย์ อย่างที่คณะก้าวหน้าพยายามนำเสนอ”
ชำนาญ กล่าว