10 เรื่องวุ่น – ดราม่า เกาะวิกฤตเหตุการณ์ “โรงงานระเบิด”

6 กรกฎาคม 2564

นอกจากเรื่องวิกฤตโควิดที่คนไทยกำลังเผชิญแล้ว อีกหนึ่งเหตุการณ์ใหญ่ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อราวตี 3 ของวันที่ 5 กรกฎาคม ที่ผ่านมา นั่นก็คือเหตุระเบิดโรงงานผลิตเม็ดโฟมพลาสติก ในซอยกิ่งแก้ว 21 จ.สมุทรปราการ 

ตลอดทั้งวันมีเรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย ซึ่งลองสรุป 10 เรื่องวุ่น – ดราม่า จากวิกฤตดังกล่าว ไล่เรียงมาได้ดังนี้  

1.เหตุระเบิดโรงงานกิ่งแก้ว, 2.อาสาสมัครผจญเพลิงเสียชีวิต, 3.สั่งอพยพประชาชนรัศมี 5 กม., 4.แคมป์คนงานทหารไม่ให้ออก, 5.ติดโควิดทั้งบ้านไม่รู้จะทำอย่างไร, 6. “ประยุทธ์” สั่งทำฝนหลวง , 7.จัดการสารอันตรายอย่างเป็นวิชาการ, 8. “พิธา” นำทีม ส.ส.พรรคก้าวไกลช่วยเหลือ, 9. “ธรรมนัส” โผล่กลางดึก , 10. ประกาศ “ตามหาคนหาย”  

น่าจะเป็นอีกหนึ่งบันทึกที่ให้ภาพการเผชิญหน้าวิกฤตของสังคมไทย 

1.เหตุระเบิดโรงงานกิ่งแก้ว

“ตั้งแต่ตี 3 จนถึงตอนนี้ นอนไม่หลับ หลังเสียงระเบิดและแรงสั่นสะเทือน โรงงานผลิตเม็ดพลาสติกตั้งอยู่ห่างจากบ้านไป 1-2 กม.สะเทือนมากๆ ทีแรกนึกว่าฟ้าผ่า สะดุ้งตื่น หมู่บ้านใกล้โรงงานกระจกแตกหมด หมู่บ้านตรงข้าม ประตูหน้าแตกยับหลายหลัง…”

คือข้อความแรกที่ได้รับรู้ เกี่ยวกับเหตุการณ์ระเบิดภายในโรงงานผลิตเม็ดโฟมพลาสติก ซอยกิ่งแก้ว 21 ม.15 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ

ผู้โพสต์ข้อความดังกล่าวยังแปะคลิปวีดีโอที่มาจากกล้องวงจรปิดของบ้านหลังหนึ่ง บันทึกไว้ตั้งแต่ก่อนการระเบิด ในคลิประบุเวลา 03.09 น. โดยภาพทางด้านบนของคลิป จู่ๆ ก็เกิดแสงสว่างวาบแล้วก็ตามมาด้วยเสียงระเบิดดังกระหึ่ม แสงไฟสีส้มเข้ม จากนั้นก็ปรากฏควันพวยพุ่ง 

นี่คือภาพแรกๆ ที่ผู้ซึ่งอยู่ห่างไกลออกมาได้รับรู้เกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว แต่สำหรับผู้คนที่อยู่ในละแวกจุดระเบิด รัศมี 4-5 กิโลเมตร รับรู้ได้ถึงเหตุการณ์นั้นตั้งแต่เริ่มต้น 

2.อาสาสมัครผจญเพลิงเสียชีวิต 

หลังการระเบิด ไฟก็ลุกโหมขึ้นทันที อาสาสมัครกู้ภัย รถดับเพลิงเริ่มทยอยเข้าสู่จุดเกิดเหตุ คือโรงงานของ บริษัท หมิงตี้เคมิคอล จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานผลิตเม็ดโฟมพลาสติก ตั้งอยู่ในซอยกิ่งแก้ว21 จากนั้นก็ระดมฉีดน้ำเข้าดับเพลิงอย่างต่อเนื่อง

ทว่า ในที่สุดก็เกิดเหตุเศร้าสลด เมื่อเจ้าหน้าที่ 4 ราย ที่กำลังช่วยดับเพลิงอยู่นั้น ถูกไฟคลอกเนื่องจากถูกสารเคมีที่รั่วไหลอยู่ได้พุ่งออกมา ประกายไฟพุ่งตามมาด้วยจนคลอกตัวนักดับเพลิงทั้งหมดพยายามวิ่งออกมา 3 คนหนีทัน ได้รับบาดเจ็บ ขณะที่ กรสิทธิ์ ลาวพันธ์ หรือ พอส อายุ 18 ปีเกิดล้ม และเสียชีวิตในที่สุด 

ศพของ กรสิทธิ์ ตั้งบำเพ็ญกุศลอยู่ที่วัดทุ่งครุ ซอยประชาอุทิศ 48 กรุงเทพฯ ขณะที่มีการเผยแพร่ข้อความของผู้เป็นแม่ว่า”ดวงใจของแม่เก่งที่สุด แม่ภูมิใจในตัวลูกนะ”

3.สั่งอพยพประชาชนรัศมี 5 กม.

การควบคุมเพลิงเป็นไปด้วยความยากลำบาก เปลวเพลิงพวยพุ่ง พร้อมๆ กับควันสีดำจากการเผาไหม้สารเคมีที่รั่วไหลออกจากถังเก็บ ซึ่งทราบภายหลังว่าคือสาร “สไตรีน โมโนเมอร์ (Styrene, Monomer)” ซึ่งเป็นของเหลวใสและข้นเหนียว ติดไฟง่าย 

และในการเผาไหม้ของสารดังกล่าวจะก่อให้เกิด ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) ซึ่งเป็นอันตรายต่อระบบหายใจ และเป็นสารก่อมะเร็งด้วย ทำให้ในที่สุด สมศักดิ์ แก้วเสนา นายอำเภอบางพลี ออกคำสั่งด่วนให้ประชาชนทุกคนอพยพออกห่างจากรัศมีโรงงาน 5 กิโลเมตร 

ทั้งนี้ จุดรองรับผู้อพยพ  7 จุด ได้แก่ 1. โรงเรียนเตรียมปริญญานุสรณ์ 2. อบต.บางพลีใหญ่ (หลังเก่า) และวัดบางพลีใหญ่กลาง 3. โรงเรียนบางกระบือ4.ศาลพ่อหลวง 5. วัดบางโฉลงใน 6. วัดบางโฉลงนอก 7. วัดบางพลีใหญ่

4.แคมป์คนงานทหารไม่ให้ออก

อย่างไรก็ตาม คำสั่งอพยพดังกล่าว เมื่อไปถีงผู้ปฏิบัติงานกลับไม่ครอบคลุม ทั้งนี้ จากการเปิดเผยของ ส.ส.ปีกแรงงานของพรรคก้าวไกล อาทิ ทวีศักดิ์ ทักษิณ, วรรณวิภา ไม้สน ระบุว่า มีแคมป์คนงานในซอยลาดกระบัง 20/3 ซึ่งถูกสั่งปิดจากสถานการณ์โควิด และมีแรงงานถูกกักตัวอยู่ในแคมป์ดังกล่าวประมาณ 100 คน ยังไม่ได้อพยพ ทั้งๆ ที่อยู่ในรัศมี 5 กิโลเมตร

ส.ส.พรรคก้าวไกล พยายามประสานกับทางทหารที่ดูแลแคมป์คนงานดังกล่าว แต่ก็ได้รับคำตอบว่าต้องปฏิบัติตามคำสั่งควบคุมโรค ตามมติของคณะกรรมการโรคติดต่อที่ห้ามคนงานออกจากแคมป์ 

“ทั้งที่มีคำสั่งอพยพ และสถานการณ์แบบนี้เนี่ยนะ?” คือคำถามของ ส.ส. ก้าวไกล ก็ได้รับคำตอบจากทหารว่า “ต้องรอคำสั่งของผู้บังคับบัญชาถึงจะเปลี่ยนแปลงได้” 

5.ติดโควิดทั้งบ้านไม่รู้จะทำอย่างไร

อาสาสมัครกลุ่ม “เส้นด้าย” เข้าช่วยเหลืออพยพผู้คนในพื้นที่ โดยเฉพาะในส่วนของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งพบว่าครอบครัวหนึ่ง มีผู้ติดเชื้อทั้งหมด 4 คน ได้แก่ผู้เป็นพ่อ สามี ภรรยา และลูก 

ในส่วนของพ่อและสามีนั้น ก่อนเกิดเหตุระเบิดได้ย้ายไปอยู่โรงพยาบาล เพื่อรักษาอาการโควิด อยู่ใกล้ชิดหมอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนภรรยาและลูกสาวซึ่งคาดว่าติดเชื้อจากพ่อและสามี ได้มีการติดต่อโรงพยาบาลจนได้เตียงและเตรียมเข้ารับการรักษา แต่ทว่าก็มาเกิดเหตุระเบิดเสียก่อน อีกทั้งโรงพยาบาลก็อยู่ในเขตที่ต้องอพยพผู้ป่วยออกจากเหตุระเบิดโรงงานด้วย

สองแม่ลูกแม้ได้ทราบคำสั่งอพยพจากรัศมี 5 กิโลเมตร แต่ไม่รู้จะไปอย่างไรเพราะทั้ง 2 คนเป็นผู้ติดเชื้อ ซึ่งก็ห่วงว่าจะไปแพร่ให้กับผู้อื่น กลุ่มเส้นด้ายประสานให้ช่วยเหลือ และนำตัวออกจากพื้นที่ ส่งต่อยังโรงพยาบาลอื่นในที่สุด 

6.“ประยุทธ์” สั่งการฝนหลวง 

หลังเหตุการณ์ระเบิดตอนช่วงตี 3  กว่าจะมีความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็แทบจะปาเข้าไปช่วงเย็น โดยเฟสบุ๊กอย่างเป็นทางการโพสต์ภาพกราฟฟิกรูปของนายกรัฐมนตรีพร้อมข้อความระบุว่า 

“นายกฯ สั่งการฝนหลวง ทำฝนบรรเทาฝุ่นควันจากเหตุเพลิงไหม้โรงงานผลิตเม็ดโฟมกิ่งแก้ว หากเงื่อนไขสภาพอากาศเอื้อ พร้อมจะช่วยเหลือทันที” 

เป็นโพสต์ที่สะท้อนถึงการขาดความรู้ ความไม่เข้าใจในการแก้ปัญหา ทำให้หลายต่อหลายคนต้องออกมาตอบโต้นายกฯ ด้วยคำให้สัมภาษณ์ของอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา โดยเฉพาะการหยิบยกเอาตอนหนึ่งมา “ตบหน้า” ที่บอกว่า

“สิ่งที่เป็นห่วงคือ ช่วงบ่ายถึงค่ำ บริเวณ กทม.และปริมณฑล อาจมีฝนเพิ่มขึ้น หากฝนลงไปชะล้างกลุ่มควันเหล่านี้ซี่งเป็นสารพิษ และตกลงในแม่น้ำลำคลอง หรือบ่อน้ำ อาจส่งผลต่อประชาชน ในการใช้น้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค จึงขอให้ระมัดระวังในการใช้น้ำ ช่วง 1-2 วัน และจับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด” 

ทำให้ต่อมา เพจของ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องลบโพสต์และกราฟฟิก “สั่งการฝนหลวง” ทิ้งไป 

7.อย่างเป็นวิชาการ จัดการสารอันตราย

มีคนที่ “ไม่รู้” แต่ชอบออกคำสั่ง ขณะเดียวกันก็มี “ผู้รู้” ที่ออกมาทำความเข้าใจกับประชาชน และให้คำแนะนำผู้รับผิดชอบเกี่ยวกับเรื่องราวการระเบิดของโรงงานดังกล่าว โดยเฉพาะด้านการจัดการเกี่ยวกับสาร  “สไตรีน โมโนเมอร์” นั่นคือผู้ใช้เฟสบุ๊คว่า Seenee Kasemvud 

โพสต์ดังกล่าว มียอดไลท์และยอดแชร์ออกไปเป็นจำนวนมาก โดยเป็นโพสต์ที่ได้เขียนแจกแจงออกมาเป็นข้อๆ เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งข้อมูลที่เป็นประโยชน์ อาทิ การฉีดน้ำดับเพลิงไปบนสไตรีน โมโนเมอร์ โดยตรงแทบไม่มีประโยชน์ เนื่องจากความหนาแน่นที่เบากว่าน้ำทำให้ลอยตัวเหนือผิวน้ำและยังติดไฟได้ต่อ, 

หรือ การเผาไหม้นี้ผลที่ออกมามีตัวที่น่าห่วง คือ คาร์บอนมอนนอกไซด์ การสูดควันเผาไหม้อาจทำให้สลบในเวลาอันสั้น หรือเสี่ยงเป็นมะเร็งหากรับในปริมาณมาก 

8.“พิธา” นำทีม ส.ส.พรรคก้าวไกลช่วยเหลือ

ยังมีอีกหลายข้อ, แต่ก็มีอยู่ข้อหนึ่งที่คล้ายกับจะสื่อสารไปยังใครบางคน กับข้อความที่ว่า “ฝนหลวงไม่ได้ช่วยเชี่ยอะไรทั้งนั้น โง่ก็แค่อยู่เฉยๆ ขอร้องไอ้สัส” 

ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ระเบิดเป็นต้นมา วุฒินันท์ บุญชู ส.ส.พรรคก้าวไกล จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ ก็ลุยให้ความช่วยเหลือประชาชนโดยเร่งด่วน นอกจากนี้ ยังมี ส.ส.ปีกแรงงานของพรรค นำโดย ทวีศักดิ์ ทักษิณ ก็เข้ามาร่วมดูแลด้วย เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีพี่น้องแรงงานอาศัยอยู่กันเป็นจำนวนมาก

กระทั่ง หลังจากมีคำสั่งอพยพประชาชนรัศมี 5 กิโลเมตร ออกจากพื้นที่ ไปยังศูนย์อพยพต่างๆ “พิธาลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล และ ส.ส.ของพรรคก้าวไกล บางส่วน ได้เดินทางไปเยี่ยมเยี่ยนให้กำลังใจประชาชน ที่ศูนย์อพยพ อบต.บางพลีใหญ่ 

พิธาได้นั่งพูดคุยกับผู้อพยพมาที่ศูนย์ดังกล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ชีวิตความเป็นอยู่ สภาพความเป็นไปของบ้านเรือน ความเสียหายต่างๆ และสิ่งที่พี่น้องประชาชนต้อง พร้อมเตรียมประสานหาทางช่วยเหลือต่อไป 

นอกจากนี้ ตอนหนึ่ง พิธา กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของรัฐบาลกลางที่จะต้องจัดการในภาวะสถานการณ์ฉุกเฉิน ทั้งในเรื่องของมลพิษทางอากาศที่กระจายทั่วบริเวณทั้งในพื้นที่ อ.บางพลี เเละในส่วนติดต่อของพื้นที่กรุงเทพมหานคร รัฐบาลควรที่จะลงพื้นที่ช่วยเหลือเเละบริหารจัดการเฉพาะหน้าเเละถอดบทเรียนในอนาคตว่าจะสามารถช่วยเหลือบุคลากรที่เปรียบเสมือนด่านหน้า อาทิ นักดับเพลิงควรที่จะได้รับจัดสรรอุปกรณ์อย่างครบถ้วน หรือบุคคลที่อยู่หลังเหตุการณ์ เช่น เรื่องของสุขภาพประชาชนที่รัฐบาลควรลงพื้นที่เกิดเหตุจะได้เห็นเหตุการณ์จริง

9.“ธรรมนัส” โผล่กลางดึก 

หายไปตลอดทั้งวัน มีเพียงโพสต์เรื่อง “สั่งการฝนหลวง” ของนายกรัฐมนตรีที่ออกมาให้ประชาชนด่า จากนั้นก็เงียบหายไร้วี่แววคนในรัฐบาล กระทั่งกลางดึก คือราว 4 ทุ่มครึ่ง  ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ก็มีแอคชั่นต่อกรณีที่ประชาชนกำลังให้ความสนใจ

ร.อ.ธรรมนัส มาทั้งทีไม่ธรรมดา  เพราะ วันชัย คงเกษม ผู้ว่าฯ จ.สมุทรปราการ พร้อมพร้อมตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามประกบให้ข้อมูล ทั้งที่จุดเกิดเหตุไฟไหม้บริเวณโรงงานหมิงตี้เคมีคอลจำกัด ทั้งที่ศูนย์อพยพ อบต. บางพลีใหญ่ สื่อบางเล่มถึงกับให้คำจำกัดความ “สวมบทเส้นเลือดใหญ่รัฐบาล บัญชาการเหตุการณ์”

กระนั้น ก็ไม่วายที่จะโดนประชาชนตั้งคำถามถึงการมาของเขา โดยเฉพาะในโลกโซเชียล อาทิข้อความหนึ่งระบุว่า “จาก ‘ธรรมนัส’ มันจะกลายเป็น ‘ทำภาระ’ แทนละ พี่ดับเพลิงก็เหนื่อยกันมากพอละ ยังจะมีภาระมาเดินป้วนเปี้ยนอยู่อีก”

แต่ที่เจ็บจี๊ดสุดคนกดไลท์ กดแชร์ต่อกระจายไปในวงหว้าง เห็นจะเป็น เฟสบุ๊กของ “ป๋าเต็ด” ยุทธนาบุญอ้อม โพสต์รูป ร.อ.ธรรมนัส ยืนชี้ไม้ชี้มือในที่เกิดเหตุในหลากหลายมุม พร้อมกับระบุข้อความว่า“เวลาช่างภาพพีอาร์ที่บริษัทมาขอถ่ายภาพผมในงานเพื่อไปทำข่าว / ช่างภาพ : พี่เต็ดทำท่าเหมือนทำงานอยู่ด้วยครับ/ ผม:   ทำท่ายังไงถึงเหมือนทำงานอยู่วะ/ ช่างภาพ : ทำชี้นู่นชี้นี่ แล้วทำสีหน้ามุ่งมั่นครับ

“ตอนนั้นก็ขำ เพราะเวลาทำงานจริงมันไม่ได้ชี้ตลอดเวลาหรอก ผมทำไปขำไปไม่เคยสมจริง ช่างภาพก็ไม่ค่อยได้ภาพที่อยากได้ จนได้มาเห็นภาพชุดนี้ จึงได้เข้าใจในสิ่งที่น้องช่างภาพเคยบอก ต่อไปจะไม่พลาดแล้วครับ” 

10.ประกาศ “ตามหาคนหาย”  

ส่วนคนนี้ โลกโซเชียลต้องประกาศตามหา ทั้งๆ ที่จุดเกิดเหตุนั้นเป็นพื้นที่ตัวเอง และในฐานะผู้นำ “ท้องถิ่น” ในตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สมุทรปราการ ประชาชนย่อมคาดหวังความใส่ใจกับเหตุการณ์มากกว่านี้

กำลังพูดถึง “ตู่” นันทิดา แก้วบัวสาย โดยตลอดทั้งวัน การที่เธอไม่รีบรุดไปดูแลประชาชนในพื้นที่ ก็ทำให้มีคนนำภาพไปโพสต์ “ประกาศตามหาคนหาย” 

แต่อย่างไรก็ตาม ก็ได้มีคนเข้ามาตอบว่า วันนี้ ตู่ นันทิดาพร้อมคณะผู้บริหารสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ ได้ร่วมเป็นสักขีพยานในการมอบรถเข็นวีลแชร์ไว้สำหรับบริการพี่น้องประชาชน ณ ศูนย์ฉีดวัคซีน ปากน้ำ 

อีกหนึ่งโพสต์ตามหา ตู่ นันทิดา ซึ่งบังเอิญอย่างเหลือเชื่อ นั่นก็คือ กราฟฟิกที่ล้อใบปิดภาพยนตร์เรื่อง “Gone Girl” โดยได้มีผู้นำฉากหนึ่งจากภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว พร้อมกับคอมเม้นท์ว่า“บังเอิญอะไรขนาดนั้น” ซึ่งเป็นรูปการเขียนบันทึกของตัวละครหลักในเรื่อง มีข้อความว่า “Today is July 5th. The day I fake my own death.

วันที่ 5 กรกฎาคม ในภาพยนตร์ที่ตัวละครบันทึก “การหายตัว” ตรงกับวันที่เกิดเหตุการณ์โรงงานระเบิดอย่างบังเอิญจริงๆ

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

เรื่องเด่น

บทความ

   ดูทั้งหมด
15 ธันวาคม 2565    Common School

สถาบันครอบครัวแบบขงจื๊อและรัฐสวัสดิการของเกาหลีใต้

8 ธันวาคม 2565    Common School

FIFA World Cup กับด้านมืดของ (เหล่า) เจ้าภาพที่กำลังละเมิดสิทธิผู้อื่น

22 พฤศจิกายน 2565    Common School

Brave New World

19 พฤศจิกายน 2565    Common School

สายใยครอบครัวถักทอรัฐสวัสดิการ

19 พฤศจิกายน 2565    Common School

หรือที่ความรู้ไร้ประโยชน์เพราะมันคัดง้างระบอบอำนาจ? : อ่านไขว้ “ประโยชน์ของความรู้ที่ไม่มีประโยชน์” x “แม่ง โคตรโฟนี่เลย”

14 พฤศจิกายน 2565    Common School

“เรื่องง่ายๆ” นวนิยายที่บอกว่าระบบราชการไม่เรียกร้องทักษะการใช้เหตุผล

13 พฤศจิกายน 2565    การเมืองท้องถิ่น บทความ

จดหมายเปิดผนึก ถึงประชาชนที่เคารพ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สมาชิกสภาท้องถิ่น ข้าราชการและบุคลากรท้องถิ่นทั่วประเทศไทย

9 พฤศจิกายน 2565    Common School

เครือข่ายทหารสายวัง 2 แผ่นดิน กรณี “ทหารเสือราชินี” และ “ทหารคอแดง”

7 พฤศจิกายน 2565    Common School

เรื่องเกิดจากนามสกุลใหม่: ทลายสังคมชายเป็นใหญ่ด้วยรักแท้ฝ่าข้อจำกัด (?)

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า