ฟันธง ! รอบนี้น่าจะเป็นการ “อภิปรายไม่ไว้วางใจ” รัฐบาลภายใต้การนำของ ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ครั้งสุดท้าย
เพราะดูจากสถานการณ์แล้ว แม้ศึกซักฟอกครั้งนี้จะไม่ถึงขั้นทำให้รัฐมนตรีคนใดต้องพ้นจากตำแหน่ง อาจไม่ถึงขั้นทำให้รัฐบาลชุดนี้ต้องซวนเซจนถึงต้องยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน หากแต่ 3 ปีกว่าแล้วที่รัฐบาลโดนถล่ม รวมถึง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ก็ผ่านฉลุยเรียบร้อยแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่รัฐบาลจะดึงดันอยู่ยาว
ในจังหวะทิ้งทวนอย่างนี้ มีความสนุกอยากชวนติดตาม ที่อาจทำให้เห็นการปรับคณะรัฐมนตรีอีกครั้งก่อนการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมาถึง
เพราะหากดูรายชื่อ 6 รัฐมนตรีที่คอพาดเขียงแล้ว ได้ลุ้นระทึกกันว่า บางคนมีเปอร์เซ็นต์อาจจะไม่ได้รับความไว้วางใจสูงมาก ไม่ว่าจะเนื่องจากผลงานที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเนื่องจากสถานการณ์พรรคร่วมรัฐบาลที่ข่มกันอยู่บ่อยๆ หรือแม้แต่ความขัดแย้งในพรรคเดียวกันที่อิรุงตุงนังเหลือเกิน
แน่นอน ในส่วนของ ส.ส.กลุ่ม “ดาวฤกษ์” ที่เคยโหวตสวนมติของพรรคพลังประชารัฐไปเมื่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งที่แล้ว จนทั้งหมดถูกพรรคลงโทษ แต่ดูเหมือนเฉยๆ และน่าจะยังจ้องเขม็งรอฟังการอภิปราย ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม แห่งพรรคภูมิใจไทย เตรียมการตัดสินใจอยู่เช่นเดิม เพราะจะไปกลัวอะไรกับสถานะกลุ่ม นับแต่ครั้งนั้นเป็นต้นมาก็มีกระแสถูกทาบทามย้ายไปร่วมพรรคอื่นสะพัด
อีกเรื่องหนึ่งน่าจับตา ปรากฏการณ์ที่เป็นข่าวล่าสุดอย่าง “ยุทธการเขย่าต้นมะม่วง” ที่มีข่าวลือออกมาว่า 2 รายชื่อรัฐมนตรีคือ สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ นั้น การที่ถูกเสนอให้อภิปรายไม่ไว้วางใจมาจากคนในพรรคพลังประชารัฐ ที่ชงให้กับพรรคฝ่ายค้านซักฟอก
ย้ำเรื่องนี้ด้วยข้อเสนออาจจะปล่อย “ฟรีโหวต” คือ ส.ส.ไม่ต้องยึดมติพรรคร่วม จะยกมือให้ใคร จะลงคะแนนไม่ไว้วางใจใครก็ตามสะดวก ซึ่ง 2 รายชื่อที่กล่าวมาจะถูก “เขย่า” จนทำให้บรรดารัฐมนตรีช่วยบางคน อาจได้ขยับขึ้นเป็น “ว่าการ” ในการปรับรัฐมนตรีครั้งต่อไป
น่าจับตาไม่แพ้กันก็คือการอภิปรายของ ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน
กล่าวสำหรับพรรคก้าวไกล รายชื่อของ ส.ส.ตัวเต็งที่จะอภิปราย รายชื่อของรัฐมนตรีที่จะถูกอภิปราย และข้อกล่าวหาต่างๆ ที่จะเป็นไม้เด็ดยังถูกเก็บงำเตรียมเซอร์ไพรซ์ในสภาเช่นเคย โจทย์ การบ้านต่างๆ ไม่มีแพลมออกมาแม้แต่น้อย ขณะที่ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เชื่อว่าจะเป็นอีกผู้หนึ่งที่ประชาชนเฝ้ารอ
ซึ่งก็ประจวบเหมาะกับที่หนังสือ “วิถีก้าวไกล” ปรากฏขึ้น ซึ่งน่าอ่านเป็นการ “โหมโรง” ก่อนฟังอภิปรายของเขาในครั้งนี้
“วิถีก้าวไกล” เป็นงานรวมบทสัมภาษณ์ ข้อเขียน และการอภิปรายของพิธาตลอดช่วง 3 ปี ที่ผ่านมา
ตั้งแต่ตอนที่เขาได้รับการวางตัวให้ดูแลนโยบาย “เกษตรก้าวหน้า” เมื่อครั้งยังเป็นพรรคอนาคตใหม่ โมเดล “กระดุม 5 เม็ด” แก้ปัญหาเกษตรกรไทย ฮือฮาตั้งแต่เริ่มต้น และชัดเจนเรื่อยมาในบทบาทประธานกรรมาธิการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่องปฏิรูปที่ดิน-การแย่งชิงทรัพยากร คือสิ่งที่เขาให้ความสำคัญ
หลังจากที่พรรคอนาคตใหม่แปรสภาพมาเป็นพรรคก้าวไกล บทบาทด้านเศรษฐกิจของพิธาเริ่มโดดเด่น เขาแสดงให้สังคมเห็นว่าพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ด้วยวิสัยทัศน์ที่เป็นความหวัง แก้ปัญหาให้กับประเทศชาติที่รุมเร้าด้วยวิกฤตสารพัด “เรือสี่ลำยกเครื่องประเทศไทย”, “วัคซีนคือโอกาสและความท้าทาย” หรือ “วัฒนธรรมคือแสนยานุภาพที่แท้จริง” เหล่านี้ล้วนแต่เป็นบทอภิปรายที่ชี้ให้เห็นวิสัยทัศน์นั้น
และในสถานการณ์ที่การชุมนุมของกลุ่มเยาวชน นิสิต นักศึกษาและประชาชน ดำเนินไปอย่างเข้มข้น อีกจังหวะก้าวของพิธาและพรรคก้าวไกล ก็ชัดเจนว่าเห็นด้วยกับข้อเสนอ “ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์”
การยื่นญัตติแก้ไข ม.112 คือการทำให้เรื่องดังกล่าวถูกหยิบยกขึ้นมาคุยในที่แจ้ง สภาผู้แทนราษฎรควรจะเป็นประตูที่เปิดออกเพื่อรับความคิดเห็นที่หลากหลาย ขณะที่บทอภิปราย “ถึงเวลารับฟังความจริงอันน่ากระอักกระอ่วนใจ” และ “นายกที่ดีในระบอบประชาธิปไตยต้องเป็นห้ามล้อและกันชนให้กับสถาบันพระมหากษัตริย์” ก็น่าคิดไม่น้อย โดยทั้งหมดเป็นการยืนยันหลักการ “อำนาจสูงสุดเป็นของราษฎร”
ด้วยปัจจัยดังกล่าวมานี้ “การอภิปรายไม่ไว้วางใจ (ครั้งสุดท้าย)” ซึ่งจะเกิดขึ้นในระหว่างวันที่ 31 สิงหาคม – 4 กันยายน ที่จะถึงนี้จึงน่าจับตา
มาลุ้น “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” และ ส.ส.พรรคก้าวไกล ว่าจะทลาย “ระบอบปรสิต” ได้สำเร็จหรือไม่ !?