“ขอพวกพี่สนุกหน่อย มันเต็มที่แล้ว”
ไม่คิดไม่ฝัน ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ นี่เป็นเสียงของตำรวจควบคุมฝูงชน หรือ คฝ.ที่กำลังเข้าสลายการชุมนุมของประชาชน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเยาวชนคนรุ่นใหม่อนาคตของชาติ
เมื่อก่อน เวลาได้ยินคลิปเสียงอย่างนี้จะสันนิษฐานไว้ก่อนว่าตัดต่อ แต่ทว่าจากหลายๆ สถานการณ์ จากหลายๆ เหตุการณ์ตำรวจภายใต้ “ระบอบประยุทธ์” ทำร้ายประชาชนที่ผ่านมา ทำให้แทบไม่ต้องพิสูจน์กับคลิปนี้
จริง! แน่ยิ่งกว่าแช่แป้ง
คำถามก็คือ ท่ามกลางการปะทะกันไปมาของทั้งสองฝ่าย อะไรคือสิ่งที่เจ้าหน้าที่เรียกว่า “สนุก”
ตำรวจซึ่งต้องมีความอดทนอดกลั้นในการปฏิบัติหน้าที่ ตำรวจซึ่งมีอาวุธยุทโธปกรณ์ครบมือและเหนือกว่าประชาชนอย่างเทียบกันไม่ได้นั้น กำลังจะเล่นสนุกกับอะไร?
มองเป็นอย่าอื่นไม่ได้เลย นอกจาก…
“ประชาชน” เป็นของเล่นของตำรวจใช่หรือไม่?
การบาดเจ็บ ล้มตาย ของประชาชนจากการเข้าสลายชุมนุมอย่างรุนแรงผิดหลักสากล เป็นความสนุกของตำรวจใช่หรือไม่?
ตลอดทั้งสัปดาห์ ในการชุมนุมซึ่งมีการปะทะกันระหว่างตำรวจกับประชาชน ไม่ได้มีแต่เพียงคลิป “ขอพวกพี่สนุกหน่อย” เท่านั้น ยังมีคลิปตำรวจทำร้ายประชาชนต่างๆ อีกเป็นจำนวนมากที่มีผู้ถ่ายไว้ได้ นำออกเผยแพร่ทางโซเชียล กลายเป็นข่าว เป็นภาพประจานการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ
และแน่นอน ประจานการทำงานของรัฐบาล ประยุทธ์ จันทร์โอชา ด้วย!
คลิปจากมุมสูงที่ตำรวจชุดดำทะมึนพร้อมปืนยิงกระสุนยาง โล่ กระบอง กรูกันเข้าทุบตีผู้ชายคนหนึ่งซึ่งมีเพียงมือเปล่าทำราวกับเขาเป็นอาชญากรร้ายแรง คือ ความอัปยศ
คลิปหญิงสาวคนหนึ่งยืนขวางตำรวจตรงบันไดสะพานลอย ป้องกันไม่ให้ตำรวจขึ้นไปจับกุมตัวผู้ชุมนุม มีการชุดกระชากลากดึงกันนั้น คือ ความอดสู
คลิปตำรวจตะคอกใส่สื่อมวลชน ร้องโวยวายให้รายงานข่าวพวกเขาที่ได้รับบาดเจ็บบ้าง คือ ความน่าไม่อาย
และนอกจากเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบ อีกชุดหนึ่งที่ผมสงสัยมานานมากแล้วว่าเป็นใคร? สังกัดอะไร? และมีหน้าที่อะไรในการชุมนุมแต่ละครั้ง?
เชื่อว่าหลายคนอาจจะเคยเห็น ผู้ชายตัวล่ำๆ ใส่หมวกแต่ยังเห็นหัวเกรียนๆ มักจะอยู่ในชุดเสื้อยืด กางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบ มีเป้หรือไม่ก็กระเป๋าเล็กๆ คาดอกคาดเอวเอาไว้
พวกนี้จะป้วนเปี้ยนเวียนไปเวียนมาทั้งในฝั่งม็อบและฝั่งตำรวจ
ผมเคยถาม พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ส.ส.พรรคก้าวไกล ในฐานะที่เป็นอดีตผู้บังคับการกองปราบ ว่าตามหลักการสากลแล้ว มีเจ้าหน้าที่แบบนี้ด้วยเหรอ?
คำตอบของผู้ที่เคยเป็นครูผู้สอนวิชาควบคุมฝูงชนบอกว่า ไม่มี เป็นตำรวจนอกรีต เพราะในหลักการจะมีแต่ตำรวจสืบสวนที่รวบรวมจัดเก็บบันทึกภาพ เสียง เท่านั้น ส่วนพวกหัวเกรียนที่เราสงสัย พวกทหารนำมาใช้ แล้วตำรวจซึ่งปัจจุบันก็อยู่ใต้ทหารอีกทีก็เลยทำตาม
“เป็นการเมือง เป็นจัดบริการเสริมตามที่ผู้มีอำนาจกำหนด!”
อย่างนี้ก็แล้วแต่ว่า “ผู้มีอำนาจ” จะสั่งให้ไปทำอะไรใช่หรือไม่? จึงไม่น่าแปลกใจเลยหากผู้ชุมนุมตลอดจนผู้พบเห็นกลุ่มคนเหล่านี้ จะพากันคาดเดาไว้ว่าเป็นตัวร่วมผสมโรงเวลาเกิดเหตุการณ์ทุบทำลาย หรือเผาทรัพย์สินของทางราชการ?
ผมไม่เข้าใจว่าอะไรที่ทำให้ตำรวจในยุคนี้มองประชาชนเป็นศัตรูที่ต้องจัดการ
ต้องมีความผิดพลาดในระบบโครงสร้าง ถึงเวลาต้องสะสางและปฏิรูปตำรวจขนานใหญ่อย่างที่ พล.ต.ต.สุพิศาล บอกแล้วใช่หรือไม่?
และ 2 เรื่องเร่งด่วนที่อดีตผู้การฯ กองปราบเสนอคือ
1.แยกตำรวจออกจากกองทัพ เลิกไปเรียนร่วมกับทหาร แต่มาใช้ระบบการศึกษาแบบเดียวกับมหาวิทยาลัย
2.ปรับปรุงสวัสดิการและสภาพแวดล้อมการทำงานของชั้นผู้น้อย เพื่อให้ตำรวจได้ทำหน้าที่ของตำรวจจริงๆพูดถึงเรื่องสวัสดิการ
ผมไปอ่านเจอโพสต์ของ “เมียตำรวจ” คนหนึ่ง ขอเอามาฝากทิ้งท้าย…
“เวลาจะตะโกนด่าน คฝ.ไม่ต้องหยาบคายนะคะ แค่ถามไปเบาๆ ว่า เบี้ยเลี้ยงงวดก่อนหน้านี้ออกยัง? ข้าวกล่องมีหมูกี่ชิ้น? หรือ ชุดพี่ได้นอนวัด โรงเรียน หรือโรงแรม?
“แค่นี้ก็น้ำตาตกแล้ว”
ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ใต้อุ้งท็อปบู๊ต ต้องปฏิรูป “ขนานใหญ่” เพื่อเรียกเกียรติยศศักดิ์ศรี คืนกลับมาแล้วใช่หรือไม่?