ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่มีกระแสข่าวการเมืองใดฮือฮาเท่าภาพการฉายแสงเลเซอร์ #ตามหาความจริง ไปยังสถานที่ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สังหารกลางเมือง เมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2535 และพฤษภาคม 2553 ซึ่งวันนี้ ความจริงอีกหลายส่วนยังไม่ถูกทำให้กระจ่าง
พูดถึงกระบวนการ #ตามหาความจริง ตรงกับภาษาอังกฤษว่า Fact Finding ในการทำงานด้านข้อมูลแล้ว ถือเป็นกระบวนการที่สำคัญ ซึ่งประกอบด้วย การค้นหาข้อมูล การจัดเก็บข้อมูล การวิเคราะห์ และ สังเคราะห์ข้อมูล เพื่อจัดชุดข้อมูลที่เชื่อถือได้ ที่เราถือว่าเป็น Fact หรือความจริง ที่สามารถแยกแยะ เรื่องจริง กับ เรื่องเท็จ ออกจากกัน
ย้อนกลับไปในปี 2553 ต้องถือว่าช่วงเวลานั้นประเทศไทยได้เข้าสู่ยุคโซเชียล ดังนั้น การตามหาภาพถ่าย คลิปวีดีโอที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สังหารโหดกลางเมือง จึงเป็นเรื่องที่ทำได้ไม่ยาก รวมทั้งขณะนั้น นักข่าวภาคสนามก็เริ่มรายงานข่าวด้วยสื่อโซเชียลของตัวเอง แต่ขณะเดียกวัน การเน้นเรื่องความเร็วในการรายงานเหตุการณ์ ก็อาจทำให้ข้อมูลที่รายงานนั้นมีทั้งแหล่งข่าวที่ได้รับการยืนยัน และไม่ได้ยืนยัน
อย่างไรก็ตาม เราอาจจจะเรียกช่วงเวลา 10 กว่าปีที่ผ่านมาของประเทศไทย ที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งทางการเมืองว่า “ทศวรรษที่สูญหาย” แต่ขณะที่ในโลกเทคโนโลยี กลับมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ทั้งเทคโนโลยี ด้านข้อมูล พัฒนามาเป็นเรื่อง big data และปัญญาประดิษฐ์ (AI) มีการเปิดเผยข้อมูลเป็น open data และเครือข่ายเทคโนโลยีดิจิทัล ช่วยให้เกิดการร่วมกันทำงานแบบ crowdsourcing และ สำนักข่าวได้พัฒนาตัวเองตามเทคโนโลยีโดยมีกระบวนการที่เรียกว่า วารสารศาสตร์เชิงข้อมูล หรือ data journalism ขณะเดียวกันพื้นที่การเคลื่อนไหวทางการเมือง ก็ได้เปลี่ยนพื้นที่จากท้องถนน ไปอยู่บนโลกออนไลน์ด้วยเช่นกัน
ดังนั้น เมื่อพูดถึงการ #ตามหาความจริง ในปัจจุบัน หากเกิดเหตุการณ์เคลื่อนไหวทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นบนท้องถนน และ บนโลกออนไลน์ ก็จะมีวิธีการหาความจริงที่ทำได้หลากหลายมากขึ้น
ยกตัวอย่างเช่น เทคโนโลยี AI สามารถนำภาพถ่าย วีดีโอ จากสถานที่เดียวกันในหลายๆ มุม จากกล้องหลายๆ ตัว มารวมกันเป็นคลิปวีดีโอของเหตุการณ์ได้ การสื่อสารบนโลกโซเชียลสามารถนำมาประมวลผ่านระบบวิเคราะห์ที่เรียกว่า social listening เพื่อดูกระแส หรือหัวข้อที่กำลังพูดถึงอยู่ หรือการนำรูปภาพเหตุการณ์มาช่วยกันวิเคราะห์ในรูปแบบ crowdsourcing แม้รูปนั้นจะแสดงรายละเอียดเพียงเล็กน้อย แฃะผู้ที่มีบทบาทสำคัญต่อการ #ตามหาความจริง นั่นก็คือสื่อมวลชน
หากมองสื่อมวลชนสำนักข่าวหลักๆ ในต่างประเทศ ได้พัฒนาศักยภาพ ในการใช้เทคโนโลยีในการสืบความจริงไปไกลมาก ทั้งการประมวลข้อมูล และการใช้เทคโนโลยีการเปรียบเทียบภาพถ่ายต่างๆ และร่วมกับบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ เพื่อพัฒนาศักยภาพของสื่อมวลชน หากแต่พัฒนาการของสื่อมวลชนในประเทศไทยดูจะหยุดนิ่ง ถึงแม้บางสื่อมวลชนจะลงทุนพัฒนาด้านเทคโนโลยีกราฟฟิค แต่เมื่อลงลึกด้านเนื้อหาข้อมูล และการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยเครื่องมือสมัยใหม่ถือว่ายังมีอยู่น้อย
อย่างไรก็ตาม ยังมีสื่อมวลชนในไทย ที่เกิดขึ้นจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ ทำงานใกล้ชิดกับผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี พยายามใช้เทคโนโลยีแสดงความจริงให้ปรากฏ เช่น ช่วงเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปี 2562 มีทีมงานอย่าง Elect.in.th ได้เสนอข้อมูลการเลือกตั้งในมุมมองต่าง ๆ ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มในการใช้เทคโนโลยีมานำเสนอความจริง
แต่บนโลกออนไลน์ และ โลกข้อมูลข่าวสาร ใช่ว่าทุกอย่างจะเป็นความจริง ข่าวปลอม ข่าวลวง (fake news, disinformation) และ ปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร (information operation) เป็นความท้าทายต่อการ #ตามหาความจริง ในโลกปัจจุบัน
การทำงานเพื่อให้ความจริงปรากฏ จึงต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของผู้ที่เกี่ยวข้อง พลเมืองเน็ต หน่วยงานวิชาการ ภาคประชาสังคม องค์กรที่เป็นอิสระ ที่ไม่จำกัดว่าจะเป็นหน่วยงานในประเทศ หรือหน่วยงานสากล มาช่วยกันเรียบเรียง แยกแยะ
เพื่อให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ ยอมรับความจริง ชุดเดียว ที่จะเป็นบรรทัดฐานร่วมกันต่อไป