ตลอดระยะเวลา 2 เดือนที่ผ่านมา 60 ชีวิต ที่เข้าร่วมอบรมหลักสูตร “นักการเมืองท้องถิ่นก้าวหน้า” หรือ “Progressive Academy” ที่มูลนิธิคณะก้าวหน้าจัดขึ้น ผ่านการเรียนการสอนที่อัดแน่นทั้งในรูปแบบของการบรรยาย การดูงานในพื้นที่จริง ตลอดจนเวิร์คช็อปที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้ร่วมแลกเปลี่ยนถกเถียงกัน
เบื้องลึก เบื้องหลัง ความประทับใจ ตลอดจนสิ่งอยากเห็นหลักสูตรนี้ก้าวต่อไป ได้รับการถ่ายทอดโดย 3 ผู้สำเร็จหลักสูตรดังกล่าว อย่าง วิจักษณ์ พฤกษ์สุริยา คณะทำงานผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ จ.สงขลา, ศุภนุช แก่นนาคำ นักศึกษาชั้นปีที่ 2 วิทยาลัยการปกครองท้องถิ่น มหาวิทยาลัยขอนแก่น และคณิศร ขุริรัง ประธานสภาทนายความจังหวัดอุดรธานี, อดีตสมาชิกสภาเทศบาลนครอุดรธานี, อดีตสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี รวมถึงอดีตรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี
และนี่คือเรื่องราวของ “นักการเมืองท้องถิ่นก้าวหน้า รุ่นแรก”
วิจักษณ์ พฤกษ์สุริยา
คณะทำงานผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ จ.สงขลา คณะก้าวหน้า
มีโอกาสได้ช่วยงานคณะก้าวหน้าและพรรคก้าวไกลมาตั้งแต่ครั้งยังเป็นพรรคอนาคตใหม่ โดยในงานการเมืองท้องถิ่นนั้นได้เป็นคณะทำงานของผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ ได้ร่วมทำแคมเปญรณรงค์การเลือกตั้ง ร่วมออกแบบนโยบายกับทีมงาน เลยทำให้รู้สึกสนใจการเมืองท้องถิ่นมากขึ้น ซึ่งพอทราบข่าวว่าทางคณะก้าวหน้าจัดทำหลักสูตรนี้ จึงอยากที่จะมาร่วมอบรม
สิ่งที่เราคาดหวังว่าจะได้รับ คือ ความรู้และประสบการณ์จากทั้งวิทยากรและผู้เข้าร่วมอบรมด้วยกัน ว่าในการบริหารท้องถิ่นนั้นมีอุปสรรคอะไรบ้าง? ความขัดแย้งกันระหว่างผู้บริหารท้องถิ่นกับข้าราชการท้องถิ่นนั้นแก้ไขอย่างไร? การดำเนินนโยบายให้เป็นจริงมากขึ้นนั้นทำอย่างไร? ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง เพราะเพื่อนร่วมรุ่นมีทั้งผู้บริหารท้องถิ่นหลายๆ แห่ง ขณะที่วิทยากรก็มีทั้งผู้บริหารท้องถิ่นที่ประสบความสำเร็จ รวมถึงทีมงานคณะก้าวหน้าที่ได้ไปร่วมบริหารท้องถิ่นมาแล้ว นี่เป็นความรู้ที่เราได้รับโดยตรงไม่ต้องไปลองเอง
สำหรับตัวเอง ที่ประทับใจคือเนื้อหาในเชิงประวัติศาสตร์ ทั้งประวัติศาสตร์ท้องถิ่น ประวัติศาสตร์การเมือง สำหรับในส่วนอื่นก็ดี แต่ที่ชอบประวัติศาสตร์เพราะเป็นเรื่องของแนวคิด การมองท้องถิ่น เป็นเรื่องของทัศนคติ มุมมอง ทำให้เราเห็นแนวคิดเบื้องหลังว่าทำไมท้องถิ่นมีอำนาจจำกัดแบบที่เป็นอยู่ในตอนนี้ ที่มาที่ไปของการรวบอำนาจสู่ส่วนกลางมีความเป็นมาอย่างไร
การมาร่วมอบรมหลักสูตรนี้ ทำให้ได้แรงบันดาลใจจากนายกเทศมนตรีเก่งๆ หลายคน ได้พูดคุยปรึกษาโดยตรง ทำให้อยากกลับไปพัฒนาบ้านเกิดของตัวเอง ซึ่งตั้งใจว่าจะเข้าสู่การเมืองท้องถิ่น อยากเป็นผู้บริหารท้องถิ่น เพราะสนใจเรื่องการพัฒนาเมือง ความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับจะสามารถนำไปต่อยอดในการทำงานในอนาคตได้เยอะมาก
ยากเหลือเกินถ้าเราอยากเป็นนักการเมืองท้องถิ่นที่จะหาประสบการณ์จริง ทั้งการหาเสียง การบริหารงาน รวมถึงประสบการณ์และเทคนิคต่างๆ ได้ เพราะฉะนั้น ด้วยเงินค่าอบรมเพียง 12,000 บาท ตลอดระยะเวลา 2 เดือน คิดว่าคุ้มค่ามากๆ สำหรับเนื้อหาและตัววิทยากรที่มาร่วมถ่ายทอดความรู้แบบนี้ ดังนั้น ถ้าอยากเป็นนักการเมืองท้องถิ่น คิดว่าควรมาเรียน เพราะจะช่วยให้เราทุ่นเวลาในการรู้จักการเมืองท้องถิ่นและการบริหารท้องถิ่นอย่างแน่นอน
ศุภนุช แก่นนาคำ
นักศึกษาชั้นปีที่ 2 วิทยาลัยการปกครองท้องถิ่น มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ด้วยความที่เรากำลังเรียนสาขาวิชาการปกครองท้องถิ่น มีความสนใจอยากหาข้อมูลและความรู้เพิ่มเติมที่นอกเหนือจากที่เรียนในมหาวิทยาลัย เมื่อทราบข่าวว่าคณะก้าวหน้าเปิดหลักสูตรนี้ จึงสมัครเข้ามา เพราะมั่นใจว่าจะได้ความรู้และประสบการณ์ที่มากกว่าห้องเรียน เช่น วิชาการจัดทํานโยบาย ข้อบัญญัติ งบประมาณและการประชุม ซึ่งมีการทำ Workshop จัดทํางบประมาณท้องถิ่น โดย คุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ก็เป็นสิ่งที่เราไม่เคยได้รู้มาก่อน
ตลอดการเรียน 2 เดือนที่ผ่านมา ได้ความรู้เกี่ยวกับการบริหารท้องถิ่นเยอะมาก ได้ประสบการณ์จากการลงพื้นที่จริง เพราะเราไม่เคยไปพื้นที่มาก่อนเลย นอกจากนี้ยังได้มิตรภาพ ได้รู้จักวิทยากรและบรรดาพี่ๆ ที่ร่วมอบรมในหลักสูตรเดียวกัน ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน และที่ชื่นชอบอย่างยิ่งก็คือการไปดูงานทั้งที่เทศบาลนครนครราชสีมา จ.นครราชสีมา และเทศบาลตำบลอาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งในส่วนของการดูงานที่ประทับใจคือ TK Park ของเทศบาลนครนครราชสีมา อยากให้ทุกท้องถิ่นมีแบบนี้ เพื่อจะได้เป็นห้องสมุด เป็นพื้นที่ทำกิจกรรมให้กับคนในท้องถิ่น หรือบางครอบครัวที่ไม่มีอุปกรณ์สำหรับดูแลลูกหลานเป็นสื่อการเรียนการสอนก็สามารถมาใช้ที่นี่ได้
ความรู้ที่ได้รับ สามารถเอาไปต่อยอดกับชีวิตของตัวเองได้อย่างแน่นอน ส่วนหนึ่งเพราะเราเรียนด้านนี้โดยตรง อนาคตอาจไปเป็นเลขานุการผู้บริหารท้องถิ่น หรือเป็นผู้ช่วยให้คำแนะได้ และอีกส่วนหนึ่ง การที่แม่ของตัวเองเป็นรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ที่ตำบลแห่งหนึ่ง ก็คิดว่าจะสามารถนำความรู้มาช่วยคุณแม่ในการบริหารท้องถิ่นเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนได้
สำหรับหลักสูตรนี้ซึ่งคิดว่าคงจะมีรุ่นต่อไปอีกนั้น ในส่วนของการบรรยายถือว่าดีแล้ว แต่ที่อยากให้เพิ่มเติมก็คือให้มีการลงพื้นที่ดูงานจริงที่มากขึ้นกว่านี้ และมีกระบวนการทำให้ผู้เข้าร่วมอบรมได้รู้จัก สนิทสนมกันตั้งแต่ช่วงวันแรกๆ เพื่อที่จะได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกันง่ายขึ้น
อยากเชิญชวนคนที่สนใจในหลักสูตรนักการเมืองท้องถิ่นก้าวหน้าให้มาสมัครเรียน เพราะหลักสูตรนี้ถือว่าเป็นหลักสูตรที่เข้มข้น มีทั้งการบรรยายและลงพื้นที่จริง และมีคนที่มีประสบการณ์จริงในการทำงานท้องถิ่นมาร่วมเป็นทั้งวิทยาการและผู้ร่วมอบรมในหลักสูตรด้วย สำหรับคนที่อยากรู้เรื่องท้องถิ่นทุกแง่ทุกมุม มีให้ครบถ้วนในหลักสูตรนี้อย่างแน่นอน
คณิศร ขุริรัง
ประธานสภาทนายความจังหวัดอุดรธานี, อดีตสมาชิกสภาเทศบาลนครอุดรธานี, อดีตสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี และอดีตรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี
เป็นคนที่สนใจการเมืองอยู่แล้ว โดยเฉพาะแนวคิดคณะก้าวหน้าและพรรคก้าวไกล ซึ่งติดตามมาตั้งแต่เมื่อครั้งเป็นพรรคอนาคตใหม่ เพราะเห็นว่าเป็นกลุ่มคนที่มีแนวคิดอุดมการณ์ใหม่ที่จะทำให้ประเทศไทยก้าวพ้นจากการเป็นประเทศที่กำลังพัฒนาไปสู่การเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วได้ และที่สำคัญ การขับเคลื่อนงานการเมืองท้องถิ่นของคณะก้าวหน้า ทำให้ประชาชนเห็นว่า การบริหารหารท้องถิ่นถ้าทำได้ดีก็จะเป็นสิ่งที่เรียกว่าการเมืองกินได้ ทำให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ตรงนี้คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ประเทศไทยมีโอกาสพัฒนา
ถามว่าในฐานะที่ตนเองมีประสบการณ์งานการเมืองท้องถิ่น และมีโอกาสร่วมอบรมมาหลายหลักสูตร สิ่งที่หลักสูตรนักการเมืองท้องถิ่นก้าวหน้าแตกต่างจากของที่อื่นๆ อาจกล่าวได้ว่านี่คือหลักสูตรของปีกประชาธิปไตย เพราะที่อื่นๆ เวลาไปเรียนเราก็จะเจอแต่วิทยากรเดิมๆ พูดเรื่องเดิมๆ แนวคิดซ้ำๆ เดิมๆ วนไป แต่สำหรับหลักสูตรนี้คือความแปลกใหม่ เราได้มาอยู่กับคนหนุ่มคนสาวทั้งเพื่อนร่วมหลักสูตรและวิทยากรที่มีแนวคิดอุดมการณ์ประชาธิปไตย ซึ่งตอนแรกก็คิดอยู่เหมือนกันว่าจะเข้ากันได้แนบสนิทหรือไม่ แต่พออยู่มาแล้วก็เข้ากับทุกคนได้ แสดงว่าเรายังร่วมสมัยกันอยู่ (หัวเราะ) มนุษย์เราต้องกล่อมเกลาตัวเอง ต้องเพิ่มเติมความรู้ ต้องพัฒนาอยู่ตลอดเวลา อย่าคิดว่าตัวเองเก่งแล้ว เจ๋งแล้ว เพราะถ้าคิดอย่างนั้นเราจะหยุดอยู่กับที่
ตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา สิ่งที่ประทับใจนอกจากเพื่อนร่วมรุ่นและวิทยากรที่มาบรรยายแล้ว ก็ยังมีเรื่องของหลักสูตร โดยเฉพาะวิชาประวัติศาสตร์เศรษฐกิจไทย เป็นสิ่งที่ไม่เคยมีการเรียนการสอนในหลักสูตรไหนแน่ๆ เพราะช่วยฉายให้เห็นถึงเครือข่าย คอนเนคชั่นของนักธุรกิจไทยตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน ทำให้เราเข้าใจสภาพเศรษฐกิจและสังคมไทยมากขึ้น
ความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับ คิดว่าทุกคนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในอนาคตได้อย่างแน่นอน สำหรับรุ่นต่อๆ ไปที่อยากให้เพิ่มเติม คืออยากให้เชิญผู้บริหารท้องถิ่นที่ประสบความสำเร็จทุกภูมิภาคทั่วประเทศมาเป็นวิทยากร เพื่อให้ผู้เข้าร่วมอบรมได้เห็นสภาพปัญหาที่ต่างกัน การแก้ปัญหาในหลากหลายรูปแบบ
อยากเชิญชวนผู้สนใจมาร่วมอบรมเพิ่มเติมความรู้ มากล่อมเกลามาพัฒนาตัวเอง มารับรู้แนวคิด อุดมการณ์ที่น่าสนใจ ซึ่งแม้จะมีค่าใช้จ่ายแต่ก็ถือว่าไม่มากเมื่อเทียบกับหลักสูตรอื่นๆ และคุ้มค่ากับสิ่งที่ได้รับอย่างแน่นอน