
ในช่วงปี 2564 สถานการณ์การเมืองเข้มข้น การแสดงออกของม็อบเยาวชนและข้อเสนอปฏิรูปสถาบันกษัตริย์กำลังเป็นไปอย่างดุเดือดแหลมคม มีการสลายการชุมนุมอย่างรุนแรง มีผู้ถูกจับกุมดำเนินคดีจำนวนมากจากการแสดงออกถึงสถาบันกษัตริย์
ผมเองอยากให้ทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ ต้องเปิดพื้นที่พูดคุยกันได้อย่างปลอดภัย เอาใจเขามาใส่ใจเรา พูดคุยกันด้วยเหตุผลและวุฒิภาวะ ผมจึงประมวลข้อเสนอปฏิรูปสถาบันกษัตริย์เพื่อให้อยู่คู่กับสังคมไทยได้ในยุคปัจจุบัน แต่การกระทำของผมเช่นนี้กลับถูกกล่าวหา นำไปสู่การดำเนินคดีตามมาตรา 112
โดยข้อเท็จจริงทั้งหมด ตามนี้:
1. “เปิดร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม หมวด 2 พระมหากษัตริย์ เดินหน้าปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ พร้อมแนบเอกสารร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่…) พุทธศักราช….” โพสต์เมื่อ 10 สิงหาคม, 2564 https://www.facebook.com/PiyabutrOfficial/posts/3076450455972150

2. “ข้อเรียกร้องแห่งยุคสมัย ทำไมต้องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์” โพสต์เมื่อ 17 สิงหาคม 2564 https://www.facebook.com/PiyabutrOfficial/photos/a.2260389780911559/3081844162099446/

3. “กษัตริย์กับนายกรัฐมนตรี ใครมีอำนาจแต่งตั้งบุคคลดำรงตำแหน่งกันแน่?” โพสต์เมื่อ 17 กันยายน 2564 https://www.facebook.com/PiyabutrOfficial/photos/a.2260389780911559/3105582616392267/

4. ข้อความทวิตเตอร์กล่าวว่า “ในสังคมหนึ่ง ความคิดคนแต่ละคนแตกต่างกันมากมาย มีคนรัก คนเฉยๆ คนไม่ชอบ ถึงบังคับยังไงก็ไม่เปลี่ยนความคิดเลย แต่ทำอย่างไรที่เราจะอยู่ในสังคมเดียวกันได้ เหลือทางเดียวคือเปิดให้มีเสรีภาพในการแสดงออก แล้วอดทนอดกลั้นซึ่งกันและกันต่อความเห็นที่แตกต่าง”
5. ข้อความทวิตเตอร์กล่าวว่า “ประยุทธ์ตบหัวลูกน้องอ้างว่าทำด้วยความเอ็นดู ดังนั้น ประยุทธ์ก็ยอมให้ลูกพี่ตนเองตบหัวด้วยความเอ็นดูเช่นกัน ปัญหามีอยู่ว่าในสายตาของประยุทธ์ ประชาชนไม่ใช่ลูกพี่ของเขา แล้ว “ลูกพี่” ของเขาคือใคร? ต้องไปดูว่า “ใคร” ที่ตบหัวสั่งประยุทธ์ แล้วเขาไม่หือ ยิ้มรับ และยอมทำตามสั่ง”
*6. ข้อความทวิตเตอร์กล่าวว่า “สภาพสังคมปัจจุบันนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะอยู่ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราย์จำแลงได้อย่างสันติ แต่การปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ กองทัพ ศาล เพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่รักษาสถาบันกษัตริย์ไว้อยู่ใต้รัฐธรรมนูญต่างหากที่เป็นไปได้และทำให้ทุกคนอยู่อย่างสันติ #ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์”
7. ข้อความทวิตเตอร์กล่าวว่า “ประเทศไทยจะเป็นอย่างไรระหว่าง ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์จำแลง ที่มีกองทัพ ระบบราชการ และทุนผูกขาดค้ำจุนหรือ ระบอบประชาธิปไตย ที่ประชาชนเป็นผู้ทรงอำนาจสูงสุด และมีกษัตริย์เป็นประมุขของรัฐอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ”
8. ข้อความทวิตเตอร์กล่าวว่า “ปฏิรูปไม่ใช่ล้มล้าง แต่ถ้าคนเรียกร้องปฏิรูป คือล้มล้าง หรือนำไปสู่ล้มล้างนั่นเท่ากับว่าบีบให้เลือก 1 ไม่ปฏิรูปเพื่อไม่ใช่ล้มล้าง หรือ 2 ล้มล้างให้ราบเป็นหน้ากลอง เพื่อไม่ให้ใครบอกว่าเป็นล้มล้าง คำตัดสินของคนไม่กี่คนชี้ชะตาประเทศ ประตูปฏิรูปมี อย่าปิดประตูปฏิรูป”
เทพมนตรีแจ้งความดำเนินคดี 8 โพสต์ แต่ตำรวจเห็นว่ามีเพียง 1 ข้อความที่อาจเข้าข่ายกระทำความผิด ม.112 นั่นคือข้อความตามข้อ *6.
ถ้าวิญญูชนอ่านแล้วก็พินิจพิเคราะห์ได้ว่าไม่มีตรงไหนเข้าความผิดตาม ม.112 เลย แต่เมื่อตำรวจมีความเห็นเช่นนี้ ผมก็ต้องเตรียมต่อสู้คดีกันต่อไป
การแสดงความเห็นเช่นนี้ยังถูกกล่าวโทษ แล้วจะเหลือทางเลือกไหนบ้างในสังคมไทย ตกลงแล้วเราจะปิดพื้นที่ไม่ให้พูดคุยกันในที่สาธารณะไม่ได้เลยหรือไม่ทั้งที่ ม.112 ไม่ได้ห้ามพูดถึงสถาบันกษัตริย์แต่อย่างใด ตกลงสังคมไทยจะอยู่กันอย่างไร ถ้าการพูดจาแบบมีเหตุผลวิชาการกลับถูกดำเนินคดี เราจะปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ให้ดำรงอยู่ในสังคมได้อย่างไร
สุดท้าย ผมยืนยันว่าจะแสดงความเห็นโดนสุจริตใจต่อไป ไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อให้ไทยมีสถาบันกษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ สังคมไทยจะได้อยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ ตามข้อความที่ผมถูกดำเนินคดี
“สภาพสังคมปัจจุบันนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะอยู่ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราย์จำแลงได้อย่างสันติ แต่การปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ กองทัพ ศาล เพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่รักษาสถาบันกษัตริย์ไว้อยู่ใต้รัฐธรรมนูญต่างหากที่เป็นไปได้และทำให้ทุกคนอยู่อย่างสันติ #ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์”