กระแสเรียกร้องให้มีการ “แก้รัฐธรรมนูญ” ปฏิเสธไม่ได้ว่า แรกเริ่มเดิมทีนั้นดังมาจากนักเรียน นักศึกษา และประชาชนที่ออกมาชุมนุมบนท้องถนน
ถ้าไม่มีการออกมากดดัน ถ้าไม่มีการออกมาส่งเสียง เชื่อมั่นว่ารัฐบาลก็คงไม่ยอมให้มีการแตะต้องกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศที่แฝงไปด้วยกลเม็ดเด็ดพราย ซึ่งทำให้พวกเขาอยู่ในอำนาจได้อย่างปลอดภัย เป็นแน่แท้
ย้อนกลับไปดู 3 ข้อเรียกร้อง ของการชุมนุมในระยะแรก ประกอบด้วย
1.หยุดคุกคามประชาชน
2.ร่างรัฐธรรมนูญใหม่
3.ยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน
เมื่อรัฐบาลไม่สนองตอบ จำนวนผู้เข้าร่วมชุมนุมจึงมากขึ้น พร้อมกับข้อเรียกร้องที่ต้องยกระดับท่ามกลางสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
ข้อเสนอใหม่นั้นได้แก่
1.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและองคาพยพต้องออกไป
2. แก้ไขรัฐธรรมนูญ
3.ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์
และนี่เองที่ทำให้รัฐบาลต้องออกมารับลูกก่อนสถานการณ์จะบานปลาย
แต่อย่างไรก็ตาม เป็นการยอมให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปอย่างนั้นเอง ดังที่นักวิเคราะห์หลายคนเห็นตรงกันว่า เป็นแค่ “กระบวนการปาหี่” ยื้อเวลา ไม่ได้มีความจริงใจ
หรือถ้าจะมีการแก้ ก็คงเป็นแค่ในประเด็นที่พวกเขา โดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐที่เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลได้ประโยชน์ เช่น ประเด็นเรื่องระบบเลือกตั้ง ที่จะให้กลับไปใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบเหมือนรัฐธรรมนูญปี 2540
แก้รัฐธรรมนูญ กับ การชุมนุม เป็นเรื่องเดียวกัน เพราะวันนั้น ถ้านักเรียน นักศึกษา และประชาชนไม่ออกมาชุมนุม พวกเขาก็คงไม่โดนคดีความมากมาย คงไม่ต้องติดคุกติดตะราง และติดมายาวโดยที่ยังไม่มีคำพิพากษาความผิดอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้
แก้ไขรัฐธรรมนูญ กับ ยืนหยุดขัง เป็นเรื่องเดียวกัน วันนี้เราจึงเริ่มเห็นการออกมาเรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ถูกจับ พร้อมๆ กับการตั้งโต๊ะล่ารายชื่อ ร่วม “รื้อระบอบประยุทธ์” ตามจุดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นที่นนทบุรี ไม่ว่าจะเป็นที่อุบลราชธานี หรือไม่ว่าจะเป็นที่ขอนแก่น
เป็นการขานรับ และร่วมด้วยกับข้อเสนอของ กลุ่ม Re-Solution ที่เป็นการจับมือร่วมกันของคณะก้าวหน้า กลุ่มรัฐธรรมนูญก้าวหน้า และโครงการอินเตอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน หรือ I Law ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา
ปักธงไว้ 4 ประเด็นหลัก ได้แก่
1.ล้มวุฒิสภา เดินหน้าสภาเดี่ยว
2.โละศาลรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระ ปฏิรูปที่มาอำนาจการตรวจสอบ
3.เลิกแผนยุทธศาสตร์ชาติ แผนปฏิรูป ปลดโซ่ตรวนอนาคตประเทศ
4.ล้างมรดก รัฐประหาร หยุดวงจรอุบาทว์ ขวางประชาธิปไตย
เชื่อว่าการตั้งโต๊ะล่ารายชื่อแบบนี้จะเกิดขึ้นอีกเรื่อยๆ พร้อมๆ กับกิจกรรม “ยืนหยุดขัง” ที่จะมีขึ้นนับจากนี้ตั้งแต่ 17.00 น. ของทุกวัน
ยืนพร้อมกันทั่วประเทศเรียกร้องให้ “ปล่อยเพื่อนเรา”